หักดิบกันอีกกระทอกระหว่าง นายกฯอภิสิทธิ์กับรองนายกฯสุเทพ เทือกสุบรรณ และระหว่าง ป.ป.ช.กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผลพวงจากการไม่มีมาตรฐานของบ้านเมืองก็เป็นเช่นนี้เอง
วันก่อน คุณสุชาติ สักการโกศล ผอ.ฝ่ายอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจในประเทศ ธนาคารแห่งประเทศไทย ระบุถึงปัญหามาบตาพุด โดยเฉพาะการแสดงจุดยืนของ สมาคมการค้าการลงทุนของญี่ปุ่น ที่จะถอนการลงทุนจากประเทศไทยเนื่องจากเห็นว่าเมืองไทยไม่ เหมาะสมกับการลงทุนอีกต่อไป
เป็นเรื่องที่น่าวิตก
ความรู้สึกของนักลงทุนเป็นสิ่งสำคัญที่สุด พูดตรงๆก็คือ ความเชื่อมั่นในรัฐบาล สำหรับนักลงทุนหดหายไปเยอะ ถ้ารัฐบาลพูดอย่างทำอย่าง ความเชื่อมั่นจะสิ้นสุดลงโดยปริยาย
คุณสุชาติย้ำว่า จะต้องแก้ปัญหามาบตาพุด ให้สะเด็ดน้ำภายใน 8-9 เดือน ไม่เช่นนั้นภาพลักษณ์ของประเทศจะเสียหายอย่างหนักและจะฟื้นฟูยากมาก
ความเห็นของ คุณดุสิต นันทะนาคร ประธานหอการค้าที่เอา ใจช่วยรัฐบาลอย่างเต็มเหนี่ยวมาตลอด ยังอดไม่ได้ที่คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน มีมติจะทำหนังสือถึงนายกฯอภิสิทธิ์เพื่อขอให้รัฐบาลเร่งพิจารณาปัญหามาบตาพุด ให้ได้ข้อยุติภายใน 4-5 เดือน
ไม่เช่นนั้นจะทำให้การลงทุนในระยะยาวมีปัญหา
การออกมายอมรับของ คุณสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรม ถึงปรากฏการณ์ที่นักลงทุนญี่ปุ่นออกมาแสดงจุดยืนดังกล่าวนั้น ค่อนข้างรุนแรง ซึ่งไม่เคยมีมาก่อน
เพราะญี่ปุ่น เข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมบ้านเรามานาน และมีจำนวนการลงทุนที่สูงมาก ไม่จำเป็นจริงๆก็คงไม่คิดที่จะย้ายฐานการผลิตเด็ดขาด
นับตั้งแต่รัฐบาลชุดนี้เข้ามาบริหารราชการแผ่นดินเป็นเวลา 1 ปี ได้สร้างปัญหาเป็นดินพอกหางหมู เอาไว้บานตะไท แต่ละปัญหาเป็นเรื่องที่กระทบถึงมาตรฐานและความเชื่อมั่นทั้งนั้น
ซึ่งจะมีผลต่ออนาคต การเมืองการปกครอง และระบบเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม น่าจะร้ายแรงกว่าการคอรัปชันด้วยซ้ำ
การสร้างมาตรฐานใหม่ของรัฐบาลประชาธิปัตย์ที่ เอาการเมืองนำบ้านเมือง นอกจากไม่ใช่แนวทางการแก้ปัญหาวิกฤติประเทศแล้ว ยังเพิ่มปัญหาวิกฤติลุกลามบานปลาย ไม่จบ ซักเรื่อง.
โดย หมัดเหล็ก คอลัมน์คาบลูกคาบดอก
ไทยรัฐออนไลน์ 14 มกราคม 2553
0 comments:
แสดงความคิดเห็น