กรณีเขายายเที่ยง : สะท้อนระบบยุติธรรมที่พิกลพิการ


"ถ้าใครศึกษาข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องบ้างแล้วก็จะเข้าใจได้ไม่ยากว่าที่อัยการวินิจฉัยว่าการครอบครองที่ดินในเขตป่าสงวนของพล.อ.สุรยุทธ์เป็นการกระทำผิดโดยไม่เจตนานั้นฟังไม่ขึ้น  เนื่องจากพล.อ.สุรยุทธ์ย่อมรู้อยู่แก่ใจว่าตนเองเข้าครอบครองที่ดินแปลงนี้โดยประสงค์ต่อผลอย่างชัดเจน ส่วนถ้าจะอ้างว่าไม่รู้ว่าผิดกฎหมายก็ไม่อาจอ้างได้ เพราะแม้แต่ตาสีตาสาก็ยังอ้างว่าไม่รู้กฎหมายไม่ได้ นับประสาอะไรกับอดีตแม่ทัพภาคที่๒ซึ่งมีหน้าที่แก้ปัญหาการบุกรุกป่าสงวนโดยตรงจะอ้างเช่นนั้นได้..." จาตุรนต์ ฉายแสง

กรณีเขายายเที่ยง : สะท้อนระบบยุติธรรมที่พิกลพิการ
จาตุรนต์ ฉายแสง
วันพฤหัสบดีที่ 14 มกราคม 2010

         การที่พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ตัดสินใจยังไม่คืนที่ดินที่เขายายเที่ยงจนกว่ากรมป่าไม้จะพิจารณาเสร็จ  เป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดอย่างมาก ทั้งยังเข้าข่ายเป็นการกระทำผิดกฎหมายโดยเจตนาอย่างชัดแจ้งยิ่งกว่าเดิมอีกด้วย

         “ขอเรียนว่าจากการที่โฆษกสำนักอัยการสูงสุดได้ชี้แจงและได้รับทราบว่า คณะกรรมการกรมป่าไม้จะดำเนินการพิจารณาตามระยะเวลาที่กำหนด  ตอบได้เพียงว่า ผมพร้อมจะปฏิบัติตามกฎหมาย เมื่อกรมป่าไม้พิจารณาว่ามีคำชี้ขาดเป็นอย่างไร  พร้อมปฏิบัติตามนั้น” พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี (1)

         ถ้าใครศึกษาข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องบ้างแล้วก็จะเข้าใจได้ไม่ยากว่าที่อัยการวินิจฉัยว่าการครอบครองที่ดินในเขตป่าสงวนของพล.อ.สุรยุทธ์เป็นการกระทำผิดโดยไม่เจตนานั้นฟังไม่ขึ้นเนื่องจากพล.อ.สุรยุทธ์ย่อมรู้อยู่แก่ใจว่าตนเองเข้าครอบครองที่ดินแปลงนี้โดยประสงค์ต่อผลอย่างชัดเจน ส่วนถ้าจะอ้างว่าไม่รู้ว่าผิดกฎหมายก็ไม่อาจอ้างได้ เพราะแม้แต่ตาสีตาสาก็ยังอ้างว่าไม่รู้กฎหมายไม่ได้ นับประสาอะไรกับอดีตแม่ทัพภาคที่๒ซึ่งมีหน้าที่แก้ปัญหาการบุกรุกป่าสงวนโดยตรงจะอ้างเช่นนั้นได้

         เมื่ออัยการวินิจฉัยว่า“ไม่เจตนา” (2) ซึ่งฟังไม่ขึ้นนั้น หากพิจาณาตามคำวินิจฉัยของอัยการก็อาจตั้งคำถามว่าไม่เจตนาทำอะไร  ที่อัยการไม่ได้พูดให้ชัดเจนคงเป็นเพราะจะได้ฟังดูดีหน่อย แต่คำตอบก็คือไม่เจตนาทำผิดกฎหมายหรือทำผิดกฎหมายโดยไม่เจตนานั่นเอง (3) ถ้าถามว่าเหตุใดจึงเห็นว่าไม่เจตนา อัยการก็คงตอบว่า เพราะขณะที่ซื้อนั้นพล.อ.สุรุยทธ์คงไม่รู้ว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายซึ่งก็ฟังไม่ขึ้นดังกล่าวแล้ว

         คำถามง่ายๆจึงมีต่อไปว่า  แล้ววันนี้พล.อ.สุรยุทธ์ รู้แล้วหรือยังว่าการกระทำของตนเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย คำตอบก็คือย่อมต้องรู้แน่แล้ว หรือควรจะต้องเรียกว่ายิ่งรู้มากขึ้นกว่าเดิมแล้วว่าผิดกฎหมาย ถามต่อไปอีกว่าเมื่อรู้แล้วว่าครอบครองที่ดินอยู่โดยผิดกฎหมายแต่กลับไม่ยอมคืนที่ดินนั้นให้แก่ทางราชการ ยังจะถือว่าเป็นการกระทำผิดโดยไม่เจตนาอยู่อีกหรือไม่  คำตอบย่อมเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้นอกจากต้องถือว่าเป็นการกระทำผิดโดยเจตนาอย่างสมบูรณ์ จะอ้างว่าไม่รู้อีกไม่ได้แล้ว

         “ที่ผ่านมา พล.อ.สุรยุทธ์ ​ทราบตั้งแต่ตอนซื้อที่ดินแปลงดังกล่าวมาแล้วว่า อย่างไรก็ไม่มีสิทธิเป็นเจ้าของ แต่ที่ซื้อมานั้น ก็เพื่อต้องการใช้สิทธิในการทำประโยชน์​ในพื้นที่ … หากทางราชการมีความต้องการที่ดินแปลงนี้คืน พล.อ.สุรยุทธ์ ก็พร้อมที่จะคืนให้ทันที เพราะ พล.อ.สุรยุทธ์ มีความเคารพในกติกาของบ้านเมืองอยู่แล้ว”  พล.อ.นินนาท เบี้ยวไข่มุข นายทหารคนสนิท พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี ให้สัมภาษณ์ไทยรัฐออนไลน์  (4)

          การที่กรมป่าไม้จะต้องใช้เวลาอีก ๖๐ วัน (5) (6) (7) จึงกลายเป็นเรื่องไร้เหตุผล กลายเป็นไม่มีใครรักษากฎหมายทั้งๆที่มีการกระทำผิดกฎหมายให้เห็นอยู่ทนโท่  การปล่อยให้เรื่องคาราคาซังอยู่อย่างพิลึกพิลั่นนี้ รังแต่จะทำให้เกิดความเสียหายทั้งต่อการรักษากฎหมายบ้านเมือง ตอกย้ำความไม่ยุติธรรมหรือความเป็นสองมาตรฐานอย่างชัดเจนและยังทำให้เสื่อมเสียต่อชื่อเสียงเกียรติภูมิของพล.อ.สุรยุทธ์เองที่นอกจากไม่ยอมรับผิดแล้วยังเย้ยกฎหมายอีกด้วย

          เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจนถึงขณะนี้เปรียบเหมือนมีคนขโมยของๆทางราชการไป  สมมุติว่าเป็นรถของกรมป่าไม้ก็แล้วกันปรากฏว่ามีคนรับซื้อรถคันนั้นไว้ทั้งที่ก็รู้อยู่ว่าเป็นรถของกรมป่าไม้  ต่อมามีคนไปแจ้งความตำรวจๆสืบสวนแล้วก็ส่งเรื่องให้อัยการๆพิจารณาแล้วเห็นว่าผิดฐานรับซื้อของโจร แต่เห็นว่าไม่เจตนาจึงสั่งไม่ฟ้อง แต่เมื่ออัยการสั่งไม่ฟ้องแล้ว ผู้รับซื้อของโจรรายนี้ก็ยังใช้รถคันนั้นต่อไปได้  ถ้าปล่อยให้ทำกันอย่างนี้ได้ ต่อไปก็คงยุ่งกันใหญ่

          นอกจากเรื่องนี้ไม่ยุติลงอย่างถูกต้องตามครรลองครองธรรมแล้ว  ยังมีแนวโน้มที่จะบานปลายเสียหายมากยิ่งขึ้นไปอีก  สืบเนื่องจากการอธิบายแก้ต่างโดยเพื่อนสนิทของพล.อ.สุรยุทธ์เองที่บอกว่าถ้าต้องเอาที่ดินคืนจากพล.อ.สุรยุทธ์ก็ต้องเอาที่ดินคืนจากประชาชนอีกหลายหมื่นครอบครัวด้วย (8)  ผู้ที่ช่วยอธิบายนี้คงคิดอย่างนั้นจริงๆ  แต่คงลืมไปว่ากำลังอธิบายแทนอดีตนายกรัฐมนตรีและองคมนตรีซึ่งสังคมไทยมักได้รับการบอกเล่าว่าเป็นคนดี มีคุณธรรมที่ไม่พึงอ้างการกระทำผิดกฎหมายของคนธรรมดาสามัญทั้งหลายมาเป็นความชอบธรรมที่ตนจะทำผิดกฎหมายเช่นเดียวกัน ซ้ำยังไม่ต้องรับโทษใดๆและหากตนต้องรับโทษก็ต้องลงโทษคนที่ทำผิดกฎหมายทั้งหลายให้เท่าเทียมกันด้วย

          ความคิดแบบอภิสิทธิ์ชนเช่นนี้ มีผลลุกลามต่อเนื่องไปยังผู้เกี่ยวข้องอย่างน้อยอีก ๒ กลุ่มด้วยกัน กลุ่มแรก ได้แก่ ผู้ใหญ่บางคนในกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่สั่งการให้หาทางเอาที่ดินคืนจากชาวบ้านหลายหมื่นครอบครัวที่บุกรุกที่ป่าสงวน  กับอีกกลุ่ม คือ สื่อมวลชนบางรายที่ประกาศรณรงค์ให้เอาที่ดินที่ถูกบุกรุกคืนมา การเคลื่อนไหวของคน ๒ กลุ่มนี้ถ้าเป็นภาวะปกติก็พอเข้าใจได้  แต่เมื่อมาเกิดขึ้นเป็นเรื่องสืบเนื่องโดยตรงกับกรณีเขายายเที่ยงก็ทำให้คนรู้สึกได้ว่าเป็นการแก้แค้นแทนบุคลที่คนเหล่านี้ศรัทธายกย่องอยู่   ทำนองว่าบังอาจมาเอาที่ดินของท่านคืนกันได้อย่างไร  ต้องสั่งสอนเสียบ้าง หากการกระทำดังกล่าวเกิดขึ้นจริงก็คงโกลาหลกันพอสมควร  ที่สำคัญก็จะไม่แก้ปัญหาอะไร  แต่กลับจะมีปัญหาตามมาอีกมาก ที่กล่าวอย่างนี้ไม่ใช่จะขัดขวางการแก้ปัญหาการบุกรุกป่าสงวน แต่เห็นว่าหากจะแก้จริงก็ต้องดูปัญหาในภาพรวมและแก้อย่างเป็นธรรมเพื่อรักษาป่าให้ได้จริงพร้อมทั้งคำนึงถึงความสงบสุขด้วย

          กรณีที่ดินเขายายเที่ยงนี้เป็นตัวอย่างของความเป็น “สองมาตรฐาน” ของระบบยุติธรรมของประเทศไทยอีกเรื่องหนึ่ง  แม้ว่าผู้ที่ทำผิดกฎหมายอาจยังไม่ถูกลงโทษโดยกระบวนการยุติธรรม แต่สังคมก็ได้พิพากษาลงโทษไปเรียบร้อยแล้ว  หากมีการร้องเรียนให้พิจารณาความผิดและลงโทษผู้ที่รับผิดชอบคดีนี้ต่อไป แม้ว่าอาจจะไม่ได้ผลเนื่องจากคงหวังอะไรได้ไม่มากนักจากระบบปัจจุบัน  แต่การเรียกร้องต่างๆที่จะมีขึ้นก็น่าจะเป็นประโยชน์อย่างน้อยก็ทำให้เห็นว่าระบบปัจจุบันพิกลพิการอย่างไรและสังคมไทยควรทำอย่างไรกับระบบที่ไม่ยุติธรรมนี้กันต่อไป

                                                                              0000

อ้างอิง
1. “เขายายเที่ยงยืด บิ๊กแอ้ดดื้อ เมินแสดงสปิริต” ไทยรัฐออนไลน์
2. “อัยการไม่สั่งฟ้อง ขาดเจตนา รุกเขายายเที่ยง” ไทยรัฐออนไลน์
3. "สุรยุทธ์" ไม่มีความผิดบุกรุกที่ป่าสงวนเขายายเที่ยง แต่โฆษกอัยการแจงไม่มีสิทธิ์ครอบครอง ชี้การเอาที่ดินคืนเป็นหน้าที่ป่าไม้    
4.ซื้อทำประโยชน์ เขายายเที่ยง รู้ไม่มีสิทธิครอง 
5. “กรมป่าไม้ซื้อเวลา สอบ 60 วัน รุกเขายายเที่ยง”
6. “ป่าไม้รอสำนวนอัยการ มั่นใจ 7 วันชี้ขาดเขายายเที่ยง
7.  “ป่าไม้นัดเร่งถก สางปม'ยายเที่ยง' พฤหัสฯ14 ม.ค.
8. 'เพื่อนซี้แอ้ด'ออกโรงขู่ เอาที่คืนต้อง'ทำทุกคน' ไม่ใช่แค่'เขายายเที่ยง' แต่ต้องทำ'ทั้งประเทศ' 

1 comments:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

เพราะอำนาจ เพราะโลภ เพราะกระหาย อยากยิ่งใหญ่ ข้าทำได้ กฏหมายไร้มาตรฐาน สังคมไทยยังมีตัวอย่างแบบนี้ อีกกี่ชาติจะพบกับความเป็นธรรม
ความยุติธรรมนั้น มันไม่เพียงพอหรอก เพราะมันยุติอยู่แค่ความต้องการของใครเท่านั้น สังคมจะดีมันต้องเรียกร้องหา..ความเป็นธรรมให้กับสังคม
สู้..เพื่อความเป็นธรรมครับพี่น้องไทยแท้ครับ

แสดงความคิดเห็น

newskythailand Gallery

Twitter Updates (thaksinlive)

Red Twitter ทวิตเตอร์เสื้อแดง

จำนวนผู้เยี่ยมชม