หาเรื่อง?

ไม่ควรจะเป็นเรื่องก็ทำให้เป็นเรื่องขึ้นมาเสียอย่างนั้น จะอะไรเสียอีกก็ปัญหาการเสนอถอดยศและริบคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ของ "พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี
ดูเหมือนรัฐบาลเองก็พอจะรู้ว่านี่คือ "เผือกร้อน"
เพราะทั้ง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ และ นาย สุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ต่างประสานเสียงว่าไม่ใช่แอ๊กชั่นของรัฐบาล แต่เป็นเรื่องที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการมาระยะหนึ่งแล้ว
และที่กลายเป็นข่าวใหญ่ขึ้นมาเพราะตร.แห่งชาติ ส่งไปให้กฤษฎีกาตีความว่าคำตัดสินของศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมืองนั้น จะมีผลเท่ากับศาลฎีกาทั่วไปหรือไม่
กฤษฎีกา ชี้กลับมาว่ามีผลเท่ากันทุกประการ
ขั้นต่อไปคือดำเนินการถอดยศและริบเครื่องราชฯ
ไม่รู้เหมือนกันว่าคนที่ทำเรื่องนี้ต้องการเอาใจรัฐบาล หรือวางยารัฐบาลกันแน่!??
เพราะที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยและกลุ่มเสื้อแดง พยายามชี้ให้ประชาชนเห็นว่าถูกกลั่นแกล้งและรัฐบาลดำเนินการ 2 มาตรฐานมาตลอด
ไม่ต้องอื่นไกลคดีม็อบเสื้อแดงกับม็อบเสื้อเหลือง เห็นได้ชัดเจนที่สุด
ม็อบแดงที่อาละวาดเมื่อเดือนเมษายน ที่ผ่านมา ทั้งในกรุงเทพฯและการประชุมอาเซียนที่พัทยา คดีเดินหน้าแบบพรวดๆ ออกหมายจับและดำเนินการกับผู้เกี่ยวข้องแทบจะครบทุกกระบวนการแล้ว โดยใช้เวลาเพียงไม่กี่เดือนเท่านั้น
แต่ม็อบเสื้อเหลืองที่ทั้งยึดทำเนียบรัฐบาล ยึดสนามบิน สร้างความเสียหายให้ประเทศชาติยิ่งกว่าม็อบเสื้อแดงหลายเท่า
จนป่านนี้คดียังไปไม่ถึงไหนทั้งๆ ที่ผ่านมากว่า 1 ปีแล้ว
ทั้งที่จะว่าไปแล้วการปิดสนามบินเข้าข่ายการก่อการร้ายสากล และพยานหลักฐานก็ชัดเจน ชนิดถ้าเป็นโจรก็ประมาณว่าถูกจับได้คาหนังคาเขา
รัฐบาลเองก็ดูเหมือนจะไม่สนใจเร่งรัดให้ดำเนินการแต่อย่างใด
ยิ่งมาเกิดเรื่องถอดยศและริบเครื่องราชฯ ด้านหนึ่งกลุ่มที่ไม่ชอบ พ.ต.ท.ทักษิณ อาจจะสะใจ
แต่อีกด้านก็มองได้ว่าเป็นการกลั่นแกล้งชนิดจองเวรไม่เลิก
เพราะการถอดยศหรือริบเครื่องราชฯ มันไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นมาเลย
เท่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ใช้ข้อหา 2 มาตร ฐาน การกลั่นแกล้งของรัฐบาล เรียกร้องขอความเห็นใจจากคนไทยได้มากโขอยู่แล้ว
เชื่อว่าฝ่ายพ.ต.ท.ทักษิณ และพรรคเพื่อไทยจะนำเรื่องนี้ไปขยายผลเพื่อขอความเห็นใจมากขึ้นไปอีก
เพราะธรรมชาติของคนไทย เป็นคนขี้สงสารอยู่แล้ว
และถ้าหากจะหาเรื่องกันจริงๆ เกิดมีใครจุดประเด็นให้รัฐบาลและหน่วยงานต่างๆ ถอดยศและริบเครื่องราชฯ ของจำเลยทุกคนที่คดีถึงที่สุดแล้ว
มันจะไม่ยุ่งกันใหญ่หรือ!??


คอลัมน์ เหล็กใน
ข่าวสดรายวัน วันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2552 ปีที่ 19 ฉบับที่ 6911 

ถอดยศ

หลักเกณฑ์ การปลดและถอดยศ มีระบุไว้ใน พ.ร.บ.บำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ.2494, ข้อบังคับ กห.ว่าด้วยการบรรจุ ปลด  ย้าย  เลื่อน  และลดตำแหน่งข้าราชการกลาโหม  พ.ศ.2502, ข้อบังคับ กห.ว่าด้วยผู้ซึ่งไม่สมควรจะดำรงอยู่ในยศทหาร และบรรดาศักดิ์  พ.ศ.2507,  คำสั่ง  ทบ.ที่  176/2508 ลง 10 มิ.ย. 08 เรื่องการหมุนเวียนกำลังพล

และระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าด้วยการถอดยศตำรวจ พ.ศ.2547 โดยมีเนื้อหาว่า เนื่องจากผู้ที่ดำรงอยู่ในยศตำรวจ สมควรประพฤติหรือวางตนให้เหมาะสมแก่เกียรติศักดิ์ มิฉะนั้นย่อมเป็นทางนำความเสื่อมเสียมาสู่หมู่คณะ โดยเหตุผลดังกล่าว หากผู้ใดประพฤติหรือวางตนให้เหมาะสมกับเกียรติศักดิ์ไม่ได้ ก็ไม่สมควรจะดำรงอยู่ในยศตำรวจต่อไป

การเสนอถอดยศตำรวจทั้งแก่ ผู้ที่อยู่ในราชการตำรวจและ ที่พ้นจากราชการตำรวจไปแล้ว ให้กระทำได้มีเหตุอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้

ต้องคำพิพากษาของศาลถึงที่สุด ว่าทุจริตต่อหน้าที่ราชการ แม้ศาลจะพิพากษารอการกำหนดโทษ หรือรอการลงโทษไว้ก็ตาม

โทษต้องเป็นโทษจำคุกหรือหนักกว่าจำคุก ยกเว้น ความผิด ลหุโทษหรือความผิดที่ได้กระทำโดยประมาท

ต้องคำพิพากษาถึงที่สุด ให้เป็นบุคคลล้มละลายเพราะก่อให้เกิดหนี้ขึ้นโดยทุจริต หรือกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงและมีคำสั่งลงโทษไล่ออกจากราชการ

ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงสำหรับ ผู้ที่มิได้อยู่ในราชการหรือหน่วยงานของรัฐ ต้องคดีอาญาแล้วหลบหนีสำหรับผู้มิได้อยู่ในราชการหรือหน่วยงานของรัฐ

ทุกกรณีถ้าจะปฏิบัติกันโดยเคร่งครัด  เข้าใจว่าคงจะมีข้าราชการ ที่ถูกถอดยศกันเป็นกระบุง โดยเฉพาะพวกที่ชอบทำตัวมีสีมี อิทธิพล  ประพฤติชั่ว  ซึ่งหมายถึงข้าราชการ  ทหาร  ตำรวจโดยทั่วไป

แต่ก็ถ้อยทีถ้อยอาศัยกันมาตลอด

พูดถึงกรณีนักการเมืองหรือข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในอดีตมีบางท่านเคยถูกถอดยศก็ขอยศคืน หรือขอเพิ่มยศให้ตัวเองก็มี เรื่องยศ เรื่องตำแหน่ง เรื่องเครื่องราชย์ฯสมัยหนึ่งถูกชาวบ้านวิจารณ์กันมาก  เพราะมีการนำไปแสวงหาประโยชน์อย่างไม่สมควร

ระยะหลังมีการเข้มงวดมากขึ้น นักการเมืองก็ไม่กล้าขยับจะขอเพิ่มยศให้ตัวเอง ส่วนที่มีการกระทำความผิดก็นำเหตุผลอื่นมาประกอบในลักษณะบัวไม่ให้ช้ำน้ำไม่ให้ขุ่น เนื่องจากยศตำแหน่งมาจากการพระราชทานจึงมีการระมัดระวังกันมากขึ้น  อดีตนายกฯหลายท่านถูกยัดข้อหาทุจริต  ถูกยึดอำนาจ ถูกดำเนินการทำนองเดียวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร  แต่ก็ไม่ถึงกับถูกถอดยศ  เพิ่งจะมากระตือรือร้นเอาในรัฐบาลชุดนี้.


ไทยรัฐออนไลน์ 31 ตุลาคม 2552, 05:00 น.

เข้าตาจน!!! ........... โดย:หมัดเหล็ก

ท่าทีของพลพรรค ประชาธิปัตย์ ในการเล่นการเมืองข้ามชาติดูจะออกอาการอย่างไรชอบกล โฆษกประจำตัว นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ประกาศจะนำความสัมพันธ์ทางธุรกิจ ระหว่าง สมเด็จฮุน เซน กับ อดีตผู้นำ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มาแฉ โยงไปถึงธุรกิจการสื่อสารโทรคมนาคม

อาการน่าเป็นห่วง

มองในแง่ของธุรกิจ ปัจจุบันโครงข่ายการสื่อสารดังกล่าวเป็นของ กองทุนสิงคโปร์ ไปเรียบร้อยแล้ว ผลกระทบที่เกิดจากพิษการเมือง จะบานไปถึงความสัมพันธ์ระหว่าง ไทยกับสิงคโปร์ อย่างไรหรือไม่ หรือจะกระทบไปถึงบริษัทธุรกิจดังกล่าวในลักษณะไหน คิดจะเผานาฆ่าหนูตามเคย

มองในแง่การเมือง การนำการเมืองภายในไปปะปนเป็นการเมืองระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน หรือพูดภาษาชาวบ้านว่าชักศึกเข้าบ้าน ไม่สมควรอย่างยิ่ง เพราะนายกฯกัมพูชาพูดเอาไว้ชัดเจนว่าเป็นความสัมพันธ์ส่วนตัว ไม่ใช่การก้าวก่ายการเมืองภายในประเทศไทย ยิ่งดันทุรังก็ยิ่งแสดงถึงความเป็นเด็กดื้อ

ความใจแคบเพราะไม่ได้คิดเอง เพราะต้องทำตามใบสั่งเห็นใครก็ตามที่มาเกี่ยวข้องหรือติดต่อกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็จะผลักไสให้เป็นศัตรูคู่อาฆาตไปหมด เสมือนว่าชาตินี้ห้ามคบค้าสมาคมกับอดีตผู้นำอย่างเด็ดขาด การบริหารประเทศต้องแสดงถึงภาวะผู้นำ การมีภาวะผู้นำ

จะเอาอารมณ์อยู่เหนือเหตุผลไม่ได้

ถ้าประเทศไหนต้อนรับ พ.ต.ท.ทักษิณ แล้วจะถือว่า เป็นศัตรูของรัฐบาลไทย ก็คงใช้ไม่ได้ อีกหน่อยไม่มีใครคบ เรื่องนี้รัฐบาลต้องดูตัวเองด้วยว่าทำไมถึงยังมีผู้นำประเทศต่างๆคบหาสมาคมกับพ.ต.ท.ทักษิณด้วยมิตรจิตอันดี การออกอาการทุรนทุรายของรัฐบาล

แสดงว่าใกล้เข้าตาจนเต็มที

จะเข้ามาขุดรากถอนโคนอดีตผู้นำก็ทำไม่สำเร็จ แถม ความนิยมของอดีตผู้นำยังดีวันดีคืน บริหารประเทศก็ไม่ ประสบความสำเร็จ ปัญหาการเมืองวิกฤติประเทศก็ยังรุมเร้า แค่ตั้ง ผบ.ตร.ตำแหน่งเดียว แค่สหภาพการรถไฟฯดื้อแพ่งไม่ยอม เดินรถก็หมดปัญญา จอดป้ายเอาดื้อๆ

ยิ่งถ้าใจไม่กว้างจะมาดึงดันเอา พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธเป็นศัตรูอีกคนก็ต้องคิดให้หนัก ลำพังแค่ พล.อ.ชวลิตเดินเกมพบเพื่อนเก่า จีน มาเลเซีย อินโดนีเซีย พม่า กัมพูชา รัฐบาลก็ไปไม่ถูกแล้ว

รีบออกมาสาดโคลนไม่ดูตาม้าตาเรือ ที่ พล.อ.ชวลิตเดินทางไปนั้น ได้รับเชิญในฐานะสมาชิกพรรคฝ่ายค้าน รัฐบาลดันมาตั้งป้อมกดดัน จะถูกมองว่าประเทศไทยเป็น ประชาธิปไตยหรือเผด็จการ กันแน่ ขนาดประเทศเพื่อนบ้านปกครองโดยรัฐบาลทหาร ยังใจกว้างกว่ารัฐบาลบ้านเราเยอะ

ไม่คับแคบ.

หมัดเหล็ก

ลงมีดซะที

กลับเข้าสู่สภาวะปกติเกือบ 100% แล้ว หลังสหภาพการรถไฟแห่งประเทศไทย สร้างความเสียหาย(อีกครั้ง) ด้วย การประท้วงและนัดหยุดงานแบบต่างๆ
ที่ใช้กันจนเกร่อคือการลาหยุด
แม้จะเป็นสิทธิที่ทำได้ แต่เจตนารมณ์ชัดเจนว่าต้องการสร้างความเสียหายและเดือดร้อนให้ประชาชน เพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ตัวเองต้องการเท่านั้น
ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่าวิธีการดังกล่าวคนไทยโดยเฉพาะคนกรุงเทพฯ รู้เช่นเห็นชาติอย่างดีว่าเป็นแนวทางเดียวกับกลุ่มพันธมิตรฯ
การปิดถนน การยึดทำเนียบฯ และการยึดสนามบิน สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนเพื่อบีบบังคับอำนาจรัฐให้ยอมสยบใต้เท้าของตน
ในอดีตที่ผ่านมาสหภาพรถไฟสร้างความเสียหายและเดือดร้อนให้ประชาชนมาหลายครั้ง หลายครา
แต่เมื่อเวลาผ่านไปไม่เคยมีใครถูกลงโทษ ปล่อยให้ลอยนวลและมีอำนาจเบ็ดเสร็จเหมือนเดิม
เป็นการปล่อยเพื่อรอเวลาให้พวกนี้ออกมาสร้างความเดือดร้อนซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า
เปรียบไปเหมือนคนร้ายที่ก่อคดี ตำรวจแทนที่จะจับหรือยัดเข้าคุกเพื่อให้หลาบจำ หรืออย่างน้อยป้องปรามคนร้ายรายอื่นๆ ทำเลียนแบบ
กลับไม่สนใจปล่อยเลยตามเลย
วันดีคืนดี โจรก็ออกมาก่อเหตุอีกเพราะรู้ดีว่าไม่มีทางถูกลงโทษ
แม้จะยอมรับในระดับหนึ่งว่าการมีสหภาพแรงงาน ขององค์กรต่างๆ ทางหนึ่งเป็นการปกป้องสิทธิพึงมี พึงได้ของพนักงาน และยังใช้จับทุจริตของผู้บริหารอย่างทรงประสิทธิภาพ
แต่เมื่อใดก็ตามที่สหภาพเริ่มล้ำเส้น พยายามแสวงหาอำนาจ เมื่อนั้นจุดมุ่งหมายสำคัญของการก่อตั้งสหภาพก็จะเปลี่ยนไป
การแสวงหาอำนาจหลักๆ มีอยู่ 2 รูปแบบ หนึ่งคืออำนาจในองค์กรของตน
อีกหนึ่งคืออำนาจทางการเมือง
ยิ่งกับสหภาพการรถไฟ ซึ่งถือว่ามีอิทธิพลและอำนาจในมือไม่ธรรมดา เพราะควบคุมระบบขนส่งหลักของเมืองไทย
หากประธานสหภาพ มีใจฝักใฝ่ในการแสวงหาอำนาจและเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเมืองเมื่อไหร่ ความวุ่นวายก็จะตามมาเมื่อนั้น
ดูเหมือนประธานสหภาพรถไฟ คนปัจจุบันจะมีทั้ง 2 เงื่อน ไขที่ว่าอย่างครบถ้วน
การพยายามต่อรองเพื่อปลดคนโน้น คนนี้ ที่ไม่ทำตามประสงค์ของตัวเอง คือการแสดงออกถึงอำนาจในองค์กร
ขณะเดียวกันก็แสดงตัวชัดเจนว่าเป็นหนึ่งในพันธมิตรฯ พยายามจะมีบทบาททางการเมือง
จึงเป็นเรื่องที่สมาชิกสหภาพ การรถไฟฯ และภาครัฐ ต้องพึงสังวรให้จงหนัก ว่าจะลงมีดเพื่อแก้ไข หรือจะปล่อยให้เหตุแบบนี้เกิดต่อไปเรื่อยๆ
จะทำอะไรก็ทำสักอย่าง ยิ่งนาทีนี้ประชาชนกำลังรุมด่ากันทั้งบ้านทั้งเมือง
โอกาสทองฝังเพชรเลยนะนั่น!??

คอลัมน์ เหล็กใน ข่าวสดรายวัน
วันที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2552 ปีที่ 19 ฉบับที่ 6907

สุดยอดผู้นำอาเซียน

ปิดฉากการประชุม สุดยอดผู้นำอาเซียน ที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ไปเป็นที่เรียบร้อย ส่วนเนื้อหาสาระจะเป็นอย่างไร ฟังถ้อยแถลงจากโฆษกรัฐบาล คุณปณิธาน วัฒนายากร รวบหัวรวบหางว่าประสบความสำเร็จในทุกๆด้าน หารือเรื่องสำคัญอย่างครบถ้วน ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยและกัมพูชา ไม่ได้มีการหารือในที่ประชุมเนื่องจากเป็นเรื่องระหว่าง 2 ประเทศ

ว้าเหว่

เรื่องความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศ ระหว่าง 2 ผู้นำ ไทย-กัมพูชา คงไม่ต้องไปพูดอะไรให้เมื่อยตุ้ม พูดไปก็จะเป็นการแก้ตัวเปล่าๆ ต้องยอมรับว่าความสัมพันธ์นั้นถึงขั้นร้าวฉานไปแล้ว

ประเภทเกณฑ์พรรคพวกมาวิพากษ์วิจารณ์ นายกฯกัมพูชา ก็ยังถือเป็นงานถนัดของรัฐบาลชุดนี้อยู่แล้ว แต่ผู้นำประเทศไทยอดไม่ได้ ลงเวทีน้ำลายซะเอง

ดูทะแม่งไปหน่อย

ก็เอาเถอะนานาจิตตัง คนรักคนชอบนายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะก็ต้องออกมาเชียร์ให้อภิสิทธ์โต้ฮุน เซน อยู่วันยังค่ำ บ้านเราจะรักจะชอบใครไม่ค่อยจะลืมหูลืมตาซะด้วย เลยฝึกนิสัยการสร้างภาพให้ นักการเมืองจนเคยตัว ขนาดนักการเมืองทำความผิด ยังมาตีหน้าเศร้า เล่าความเท็จ อย่างไร้จิตสำนึกไม่มีเขินซักนิด

ก็มีเมืองไทยนี่แหละ

ข้อพิพาทระหว่างไทย-กัมพูชาที่ทำท่าจะบานปลาย ตอนนี้คงยากจะเยียวยา สิ่งที่รัฐบาลควรคิดเอาไว้ล่วงหน้าก็คือ สมมติเกิด พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร เดินทางเข้ามากัมพูชาจริงๆ จะดำเนินการอย่างไร

จะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ก็ไม่ได้ เพราะประกาศไว้แล้ว จะขอตัวผู้ร้ายข้ามแดน ก็ต้องทำตามขั้นตอน ซึ่งก็น่าจะได้คำตอบล่วงหน้าอยู่แล้วเพราะนายกฯกัมพูชาประกาศเอาไว้ชัดแจ๋ว

ในด้านเนื้อหาสาระ จะว่าไปแล้วการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนครั้งนี้เราละเลยอะไรไปเยอะ โดยเฉพาะเรื่อง ผลประโยชน์ของประชาชน ในย่านภูมิภาคนี้

มีแต่เรื่องไม่เป็นเรื่อง

ประเทศสหรัฐฯประกาศภาวะฉุกเฉินเตรียมรับมือกับ ไข้หวัดใหญ่ 2009 รอบใหม่ วัคซีนป้องกันมีเท่าไหร่ขนไปฉีดป้องกันให้กับคนอเมริกันล่วงหน้า มาก่อนฉีดก่อน

เศรษฐกิจการลงทุนจบลงด้วยระบบตัวใครตัวมัน จีน ญี่ปุ่น อินเดีย ยักษ์ใหญ่ในภูมิภาคนี้จะมาสนใจเศรษฐกิจประเทศอาเซียนให้เมื่อยตุ้มทำไม กัมพูชา เวียดนาม ลาว พม่า รอเม็ดเงินลงทุนเข้าประเทศลูกเดียว จากความได้เปรียบที่คนไทยทะเลาะกันเอง สิงคโปร์คอยจังหวะเซ็งลี้ไปเรื่อยๆตามถนัด

เหลือประเทศเจ้าภาพนี้แหละที่รับเละ

ไม่แน่ประเทศเพื่อนบ้านอาจจะโล่งอกที่ เวียดนามรับเป็นเจ้าภาพรายต่อไป ไม่ต้องมานั่งอึดอัดใจกับการเมืองภายในของ ประเทศไทย ที่จะลามไปถึงเพื่อนบ้านเหมือนทุกวันนี้.

หมัดเหล็ก
คอลัมน์คบลูกคาบดอก ไทยรัฐออนไลน์ 27 ตุลาคม 2552, 05:00 น.

ตั้งยังไง

ตั้งยังไง (Promote police) บทเพลงจาก nakaramusic

มีเมียเพื่อน

มีเมียเพื่อน (Friend wife) บทเพลงจาก nakaramusic

ขำขันวันตำรวจ

โฆษกตำรวจ พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ บอกว่า พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาการผบ.ตร. จะเป็นผู้ทำหน้าที่ประธานงานวันตำรวจ ซึ่งจะมีในวันนี้ ที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจ สามพราน
ปกติงานวันตำรวจ 13 ต.ค.ของทุกปี ก็จะเป็นเรื่องภายในองค์กรสีกากี มีภาพข่าวออกมาบ้างตามสมควร
แต่ปีนี้ กลายเป็นหัวข้อพูดจาขบขันสะท้อนปัญหาของตำรวจ!
กลายเป็นปีที่ ตำรวจไร้หัว

เพราะนายกฯทำให้เป็นเรื่องยาก จนเดินเข้าตาอับ หาทางออกไม่ได้
สงสัยชีวิตนี้ ไม่เคยมีคำว่ารู้สึกผิดพลาดแล้วยอมถอย หรือคิดอะไรไม่เหมือนคนส่วนใหญ่ แต่ก็ต้องยอมรับเพราะเราอยู่ในสังคมประชาธิปไตย และไม่ผูกขาดความถูกต้อง
ถ้าคนเรามีมุมมองอย่างนี้จะไม่สร้างปัญหาให้ส่วนรวม

ถึงวันนี้ยังตั้งผบ.ตร.ไม่ได้ ซึ่งก็คงรู้แล้วว่าเพราะอะไร แต่ก็ถอยไม่เป็นเสียอีก

อีกอย่างตกอยู่ใต้อิทธิพลของคนอื่นมากเกินไป จนเอาผลประโยชน์ขององค์กรราชการไปผูกไว้กับกลุ่มเล่นเกมอำนาจนอกระบบ
เมื่อตั้งไม่ได้ เลยใช้วิธี ซื้อเวลาไปเรื่อยๆ
ตอนนี้ก็โยนภาระไปที่รองนายกฯเทพเทือก ให้ไปจัดการแต่งตั้งตำรวจระดับรองผบ.ตร.ลงไป ซึ่งขณะนี้ว่างหลายร้อยเก้าอี้เพราะเขาเกษียณกันไปตามวาระประจำปี
แต่ยังไม่มีหัว ก็เลยติดขัดถึงลำตัวกระทบไปยังแขนขา!

นี่เริ่มปีงบประมาณใหม่ไปแล้ว เก้าอี้นายพลยังว่างโหว่ กระทบต่อประสิทธิภาพขององค์กร
ถ้าตำรวจไม่เต็มร้อย ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของชาวบ้านยิ่งหนักหน่วง

น่าคิดว่า เทพเทือกจะสามารถเจรจากับก.ตร.ที่มีมติไปก่อนนี้ว่า ต้องให้ผบ.ตร.คนใหม่ เป็นผู้ทำบัญชีโยกย้ายประจำปี ได้หรือไม่
ถ้าก.ตร.ยังยืนยันให้นายกฯไปตั้งผบ.ตร.มาให้ได้ก่อน ก็คงทำบัญชีนายพลประจำปีไม่ได้!!
แต่คนอย่างเทพเทือกซึ่งเป็นผู้ใหญ่กว่ามาก เข้าใจศิลปะการทำงานร่วมกับผู้อื่น
รู้จักให้เกียรติ และเคารพในธรรมเนียมประเพณีขององค์กรมากกว่า เช่น ไปกินข้าวคุยกันนอกรอบมาแล้ว
อาจจะหาทางออกในเรื่องนี้ได้ ซึ่งคงต้องรอดูการประชุมก.ตร.อย่างเป็นทางการอีกที
ถ้าตัดสินใจในเรื่องตำรวจแล้วประโยชน์ไปตกกับกลุ่มอำนาจนอกระบบ แบบนายกฯทำ

ถ้าตัดสินใจด้วยจุดยืนแบบนี้ ก็ยากจะสำเร็จ
ถ้าเทพเทือกคิดต่างจากนี้ อะไรก็ง่ายขึ้น!


โดย: วงค์ ตาวัน คอลัมน์ ชกไม่มีมุม
ข่าวสดรายวัน วันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2552 ปีที่ 19 ฉบับที่ 6893

13 ตุลาคม วันตาสว่างแห่งชาติ

ต่างมุมมอง กับ 13 ตุลาคม วันตาสว่างแห่งชาติ

“ศรีแพร”

เธอคือโบว์ประดับใจ พันธมิตร
เธอคือโบว์ประดับจิต มิตรสหาย
เธอคือโบว์ประดับฟ้า สง่าพราย
เธอคือโบว์ ดอกไม้แห่งมวลชน

ห่ากระสุนไม่ระคาย ใจประเสริฐ
ห่าระเบิดไม่ระคาย ใจกุศล
ประวัติศาสตร์ 7 ตุลา กล้าผจญ
วีรชน วีรสตรี ที่ชื่อโบว์

หนึ่งตำรวจพันธมิตร จิตใจงาม
หนึ่งผู้น้ำใจดี เมธีโธ่
พันธมิตรพี่น้อง ร้องไห้โฮ
โอ้โหเมธี ชาติมนตรี

สละชีพเพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์
เกียรติประวัตินักสู้ ผู้ไม่หนี
เขาปกป้องประชาชน โดนย่ำยี
ชีวิตพลี เพื่อ ประชาธิปไตย

วีรสตรี วีรบุรุษ พันธมิตร
ผู้อุทิศเรือนร่าง ถางทางให้
แขนขา ดวงตา ที่เสียไป
เพื่อชูชัย มวลมหา ประชาชน

"~SaBoOo!~ ประชาไท"

จ๊าบซีโฟร์ โบว์ปิงปอง ม่องเป็นผี
จะชั่วดี อยู่ว่าที่ เลือกข้างไหน?
ฝั่งเสื้อแดง บอกไอ้-อี นี่จังไร
พธม. ใช่ ! พวกเขาคือ วีรชน


เธอคือโบว์ ประดับใจ ใครกันเหวย
จะเอื้อนเอ่ย อย่างไร ใครจะสน
เธอคือโบว์ ประดับฟ้า ของบางคน
แต่หลายคน ก่นด่า กันทั้งเมือง

อ้างเพื่อฟ้า เลยดึงฟ้า ลงมาต่ำ
เลยเป็นกรรม ฟ้าตกต่ำ อย่างต่อเนื่อง
ชาวประชา ตาสว่าง กันทั้งเมือง
ที่เคยเชื่อง ก็เลิกเชื่อง หลีกหนีไกล

วีรชน อีกคน นั่นก็จ๊าบบบ
อยากจะกราบ แต่จะกราบ ที่ตรงไหน
โดนระเบิด ที่ตัวสร้าง ร่างหายไป
กราบยังไง? ในเมื่อ หัวไม่มี

สละชีพเพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์
เกียรติประวัตินักสู้ ไม่ทันหนี
หลบไม่ทัน ร่างเลยสิ้น ไร้ชิ้นดี
ไปเมืองผี วีรชน คนของใคร?

"เหมือนจะแก้ได้ แต่ไม่ได้" รัฐบาล"จนแต้ม" หมดสภาพ"ชูธงนำไทย"

ขณะที่รัฐบาลออกแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555
ขณะที่รัฐบาลกำลังเดินเครื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550
ขณะที่รัฐบาลมีโครงการหลากหลายเพื่อรวมไทยเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

หากแต่สภาพที่ปรากฏในปัจจุบัน กลับดูเหมือนว่า รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไม่สามารถแก้ไขปัญหาอะไรได้มากนัก
ทั้งนี้ สังเกตได้จากความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนที่ขัดแย้งในสังคมไทย ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ด้วยลีลาและอาการเฉกเช่นเดิม

อย่าลืมว่า ประเทศไทยเผชิญวิกฤตหลายๆ เรื่องพร้อมๆ กัน
ทั้งเรื่องการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม

รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งสลับขั้วจากพรรคการเมืองฝ่ายค้านก้าวกระโดดมาเป็นรัฐบาลเองก็รู้ปัญหาดี
ดังนั้น เมื่อครั้งที่รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์เข้าบริหารประเทศ จึงชูธงแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง

รัฐบาลเดินเครื่องแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจด้วยการอัดงบประมาณลงไปให้แก่ประชาชนภาคส่วนต่างๆ ทั้งในรูปแบบ "เงินเดือน" "เงินประจำตำแหน่ง" "เงินช่วยเหลือ" และรูปแบบอื่น อย่างเช่น "เงินกองทุนหมู่บ้าน"
รัฐบาลอนุมัติงบประมาณจำนวนนับพันนับหมื่นล้านเพื่อให้มีการก่อสร้าง ซ่อมแซม สิ่งปลูกสร้างต่างๆ
รัฐบาลดำเนินการกู้เงินจำนวนมหาศาล เพื่อเอามาใช้จ่ายในส่วนของการลงทุน กระจายเงินให้แก่พรรคร่วมรัฐบาล เพื่อหวังสร้างเอกภาพทางการเมือง

กระทั่งล่าสุด รัฐบาลออกแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 งบประมาณหลายแสนล้านบาท
โดยหวังจะกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างความนิยม และสร้างเอกภาพในพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน

นอกจากนี้รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี ยังประกาศว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 และพร้อมจะยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่ หากการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เสร็จสิ้น

รัฐบาลประสานงานกับรัฐสภาตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อหาข้อยุติเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ใช้ชื่อว่า "คณะกรรมการสมานฉันท์"
คณะกรรมการชุดดังกล่าวได้สรุปแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญออกเป็น 6 ประเด็น ได้รับความเห็นชอบจากฝ่ายการเมือง คือ ฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน และฝ่ายวุฒิสภาว่าสมควรจะแก้ไข

ภาพรวมความเคลื่อนไหวของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี ดูเหมือนกับว่า ได้ดำเนินการคืบหน้าไปมาก
คล้ายๆ กับว่า รัฐบาลสามารถคลี่คลายปัญหาไปได้แล้ว
หากแต่เมื่อสดับฟังความเคลื่อนไหวของภาคส่วนต่างๆ กลับพบว่า รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี ยังคงต้องเผชิญหน้ากับปัญหาต่างๆ อยู่เหมือนเดิม

รัฐบาลยังต้องแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจต่อไป โดยมีปัญหาใหญ่ คือ ปัญหาโครงการที่บริหารงานอย่างไร้ประสิทธิภาพ และปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นตามมา
โครงการชุมชนพอเพียง และแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็งในภาคส่วนของกระทรวงสาธารณสุข เป็นอุบัติการแรกๆ เห็นชัดแจ้ง

รัฐบาลยังคงต้องแก้ไขปัญหาเอกภาพของรัฐบาล โดยเฉพาะปัญหาเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการในกระทรวงต่างๆ
ปัญหาการแต่งตั้งตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติยังคาราคาซังอยู่ และกลายเป็นปัญหาระหว่างหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล คือ นายอภิสิทธิ์ จากพรรคประชาธิปัตย์ และนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ในฐานะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ หรือ ก.ต.ช.

กระทั่งนายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เซ็นใบลาออกจากตำแหน่งเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
ทำให้นายอภิสิทธิ์ต้องดึงตัวนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี มานั่งในตำแหน่งเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และปรับคณะรัฐมนตรีเล็กๆ โดยนำเอานายไตรรงค์ สุวรรณคีรี มาเป็นรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ

นี่ยังไม่รวมถึงการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการในระดับปลัดกระทรวง เรื่อยลงไปถึงระดับปลัดจังหวัดและนายอำเภอ
เช่นเดียวกับเรื่องความแตกแยกภายในสังคม

รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ได้สนับสนุนให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 ใน 6 ประเด็นตามที่คณะกรรมการสมานฉันท์ และคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล พรรคร่วมฝ่ายค้าน และคณะกรรมการประสานงานวุฒิสภาเห็นชอบ
เพียงแต่ให้มีการทำประชามติด้วย

ผลการสนับสนุนดังกล่าว ทำให้กลุ่มพลังมวลชนทั้ง "คนเสื้อแดง" และ "คนเสื้อเหลือง" ถือโอกาสใช้เป็นเงื่อนไขในการเคลื่อนไหวทางการเมืองอีกครั้ง

กลุ่มคนเสื้อแดงปฏิเสธการแก้ไขรัฐธรรมนูญตามแนวทางของคณะกรรมการสมานฉันท์ เพราะเห็นว่า จะเข้าทางรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ที่ต้องการยืดอายุรัฐบาลออกไป
และเสนอให้นำเนื้อหารัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2540 กลับมาใช้อีกครั้ง

กรณีนี้ได้รับการสนับสนุนจาก "ส่วนหนึ่ง" ของพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะกลุ่มของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคเพื่อไทย
แต่ภายหลังนายวิทยา บูรณศิริ ประธานวิปฝ่ายค้านออกมายืนยันที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญตามประเด็นของคณะกรรมการสมานฉันท์

เป็นเหตุให้ ร.ต.อ.เฉลิม ประกาศลาออกจากตำแหน่งประธานสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคเพื่อไทย

ส่วนกลุ่มคนเสื้อเหลืองนั้น ก็ไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยประกาศว่า วันใดที่มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะเริ่มต้นชุมนุมคัดค้านอย่างต่อเนื่อง

เท่ากับว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ได้ดึงเอากลุ่มเคลื่อนไหวทั้ง "แดง" และ "เหลือง" ออกมาเผชิญหน้า
กระทั่งคาดการณ์กันว่า นับแต่สัปดาห์นี้เป็นต้นไป บรรยากาศม็อบนอกสภาจะกลับมาคึกคักกับเงื่อนไขรัฐธรรมนูญกันอีกครั้ง
ทั้งหมดคือผลงานรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ภายใต้การนำของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี

เป็นผลงานที่แลดู "เหมือนจะแก้ไขปัญหาได้" แต่ "ยังแก้ไขปัญหาต่างๆ มิได้"

ผลงานที่ปรากฏเหมือนกับว่า รัฐบาลกำลังมีพื้นที่เดินน้อยลง ปัญหาความร้าวฉานแผ่ซ่านเข้าไปสู่ภายในรัฐบาล และภายในพรรค

วันนี้รัฐบาลจึงได้แต่ตั้งรับ

รัฐบาลไม่มีโอกาสเป็นฝ่ายรุก

ไม่มีโอกาสนำไทยกลับสู่ความรุ่งเรือง

ที่มา: มติชนรายวัน วันที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2552 ปีที่ 32 ฉบับที่ 11537

เนรวิน เนรคุณ

คงไม่บ่อยนัก หากจะมีใครเรียกนายเนวิน ชิดชอบ ว่า"เป็ด" ทั้งๆที่เป็นชื่อเล่นจริงๆ แต่เรากลับได้ยินคนเรียกขานกันว่า "ยี้ห้อย ร้อยยี่" มั่ง "หมอผีเขมร" หรือ "ชื่อพม่า หน้าลาว เว้าเขมร" กันเสียส่วนมาก และก็คงต้องยินดีด้วย เพราะได้ฉายาใหม่อีกแล้ว "เนรวิน" ..ฉายานี้ใช่ได้มาเพราะโชคช่วย แต่มาจาก "สันดาน" โดยแท้ เพราะเมื่อครั้งที่อยู่พรรคชาติไทยกับนายบรรหาร ก็มิวายแว้งกัด โดยไปปราศัยที่บุรีรัมย์ โจมตีนายบรรหาร แถมยังประกาศก้อง ว่าจะเตะก้านคอเสียด้วย

พอมาอยู่กับทักษิณ ก็ประจบสอพลอ ทำทุกอย่างดั่งสุนัขที่ซื่อสัตย์กับเจ้านาย แต่ขอโทษ หมาจิ้งจอกชัดๆ .."มันจบแล้วครับนาย" เนรคุณทักษิณ ดึงสมุนงูเห่า ย้ายข้างไปจัดตั้งรัฐบาลมาร์คกระสัน1 กอดรัดฟัดเหวี่ยง ดูดดื่มกันชนิดที่เรียกว่า ไม่อายฟ้าดิน ..และ คงต้องทำใจ หากคิดหวังให้สำเหนียก ละอายต่อประชาชนที่ได้เลือก สส.งูเห่าเหล่านั้น

พอย้ายข้าง ก็เข้าสูตรเดิม สอพลอเจ้านายใหม่ ถึงขนาดสร้างม็อบอันธพาลเสื้อน้ำเงิน มาทำร้ายคนเสื้อแดง ..แต่ช่วงนี้ เนรวินมีทั้งอำนาจในมือ และอำนาจพิเศษหนุนหลัง คงยาก หากจะเอาผิด ..ดูอย่างคดีกล้ายาง ก็รอด รอดอย่างที่ฟันธงกันไว้ 8:1

แต่ ต่อให้มีอำนาจแค่ไหน สั่งข้าราขการได้เพียงใด หากมิอาจกุมหัวใจประชาชน ก็ยากชนะการเลือกตั้ง ดังเช่นที่พี่น้องชาวสกลนคร ได้ให้บทเรียนไว้ .. มันจบแล้วครับ อนาคตการเลือกตั้ง ของเหล่าผู้เนรคุณ

ยี้ห้อย (Judas Hoy) บทเพลงจาก nakaramusic

ได้เป็น ต่างจาก เป็นได้

เมื่อก่อนเวลาเลือกตั้ง ผู้สมัครก็จะเครดิตตัวเองว่า เคยเป็นนั่นเป็นนี่มา นัยว่า ข้านี่แน่ เคยได้เป็นอดีตรมต.มา หรืออะไรทำนองนั้น ต่อมาพอมีกรณีนายมาร์คขึ้นมาเป็นนายกฯ ส่วนตัวคิดว่า "ได้เป็น" นั้นแตกต่ากจาก "เป็นได้" และยิ่งห่างไกลจาก "เป็นได้ดี" โอเค เค้าได้เป็นนายกฯ แต่ถ้าถามว่า เค้า"เป็นได้" หรือ"เป็นได้ดี"หรือไม่ คงตอบว่า ไม่

ระยะหลัง ๆ ถ้าใครยังจำได้ว่าเปิดโทรทัศน์ยังไง(บางคนแจ้งว่าลืมวิธีเปิดบ้าง หารีโมทไม่เจอบ้างเพราะไม่ได้เปิดนาน) จะเห็นมีโฆษณานายมาร์คออกมาชวนเชื่อทางโทรทัศน์ว่า การกระตุ้นเศรษฐกิจของเค้าเริ่มได้ผล ก็เงินที่กู้มาแจกนั่นแหละ เค้าเคลมว่ากระตุ้นเศรษฐกิจได้ แต่วันสองวันนี้มีข่าวออกว่า "มูดี้ส์" คงเครติด 11 แบงก์พาณิชย์ของไทยในเชิงลบ โดยมองว่าปัยจับที่ส่งผลกระทบคือปัจจัยทางด้านการเมือง และที่สำคัญ รัฐบาลก่อหนี้สาธารณะเพิ่มขึนมาก ทำให้ฐานะของรัฐบาลไม่สามารถช่วยเหลือภาคธนาคารได้หากเกิดปัญหาขึ้น

ไม่รู้เหมือนกันนะใครคิดยังไง แต่ผมเชื่อโดยบริสุทธิ์ใจว่า รัฐบาลเก่งแต่สร้างภาพหลอกประชาชน กรอกหูว่า เศรษฐกิจดีขึ้นแล้ว ก็โอเค อาจจะดีขึ้นบ้างบางเซคเตอร์แต่คงไม่ได้เกิดจากฝีมือรัฐบาลแน่ ๆ เอกชนเค้าเอาตัวรอดต่างหาก

สนธิบอกให้เอาส้นตีนตบหน้า และถุยน้ำลายใส่หน้า หากรับตำแหน่งทางการเมือง



สนธิบอกให้เอาส้นตีนตบหน้า และถุยน้ำลายใส่หน้า หากรับตำแหน่งทางการเมือง
ภาพใส่มุกโดยสาระพา/ประชาไทเว็บบอร์ด

พวกเดียวกัน

พวกเดียวกัน (Hijack mimister) บทเพลงใหม่จาก nakaramusic

ผลการเลือกตั้ง นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่

Chiangmai"ทัศนัย"จากเพื่อไทยชนะเลือกตั้งนายกฯเล็กเชียงใหม่ ได้ 2.4หมื่นคะแนน ทิ้งขาด"วิภาวัลย์-เดือนเต็มดวง" ไม่เห็นฝุ่น

2. นายทัศนัย บูรณุปกรณ์ 24,384 คะแนน
7. นางวิภาวัลย์ วรพุทธิพงษ์13,197 คะแนน
1. รอ.เอกหญิงเดือนเต็มดวง ณ เชียงใหม่6,958 คะแนน


มีผู้มาใช้สิทธิ์ 64,871 คน คิดเป็น 60.99 % จากผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมด 106,366 คน มีบัตรเสีย1,534 บัตร คิดเป็น 2.37% ใบ ผู้ไม่ประสงค์ลงคะแนนจำนวน 4,444 บัตร คิดเป็น 6.85%
Chiangmai

ที่มา: มติชนออนไลน์ วันที่ 05 ตุลาคม พ.ศ. 2552 เวลา 05:45:14 น.

newskythailand Gallery

Twitter Updates (thaksinlive)

Red Twitter ทวิตเตอร์เสื้อแดง

จำนวนผู้เยี่ยมชม