สวัสดีปีใหม่

คงไม่เร็วเกินไปที่จะกล่าวคำว่า สวัสดีปีใหม่ครับ อยากจะขออวยพรให้คนที่ยังมืดมัว ได้ตาสว่าง เห็นถูกเป็นถูก เห็นผิดเป็นผิดซะที อย่าให้ใครปั่นหัวเล่น โดยเฉพาะสื่อเสี้ยม กับ โพลบิดเบือน

คนไม่ได้ยึดทำเนียบ ไม่ได้ยึดสนามบิน เอาปืนเอ็ม16 ออกมาปราบ แต่คนยึดทำเนียบ ยึดสนามบินล้อมไว้เฉย ๆ มีได้แค่โล่และมือเปล่า คนที่สั่งฆ่าประชาชนอย่างเลือดเย็นยังเป็นคนดีอยู่ได้เลย ที่มันเป็นอย่างนี้ก็ไม่ใช่เพราะสื่อบิดเบือนหรอกหรือ

โลกนี้ไม่มีมนุษย์ที่ดีเลิศ คำว่าคนดีคงไม่ใช่ดีเลิศ เพียงแค่ดีพอก็โอเค เพียงแต่ที่ผ่านมา มันมีคนดีแบบที่ดีเพราะโฆษณาเก่งซะเยอะ คนที่ถูกมองว่าเลว ก็เพราะสื่อช่วยตีอีกน่ะแหละ

ก็เลยอยากขอพรให้คนไทยได้ตาสว่างกันเป็นพรอันสำคัญสำหรับปีนี้

พรปีใหม่


ปีเก่าไป ปีใหม่มาอีกรอบแล้ว มองดูรอบๆข้างก็ยังไม่เห็นมีวี่แววว่า อะไรมันจะดีขึ้นเลย ฟังรัฐบาลมาร์คกับพวกอำมาตย์ พูดกรอกหูมาเป็นปีแล้วว่าให้สมานฉันท์แต่เท่าที่ฟัง ทำไมบอกแต่พวกฝ่ายตรงข้ามให้สมานฉันท์ พวกตัวเองได้แต่พูด แต่การกระทำที่ออกมามันไม่ใช่ เห็นมีแต่ฟาดฟันหรือหาทางที่จะกำจัดอีกฝ่ายให้จมธรณีไปเลยก็ว่าได้ ไหนๆก็ปีใหม่แล้ว สิ่งที่นู๋เรดอยากจะเห็นคือการสมานฉันท์จริงๆทั้งคำพูดและการกระทำ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหน เสื้อแดง เสื้อเหลืองเสื้อน้ำเงิน เสื้อชมพู หรือเสื้อสีอะไรต่อมิอะไรอีก ขอให้มีจิตสำนึกของความเป็นมนุษย์ รู้จักพอรู้จักรับผิดชอบชั่วดี ผมสองสีกันแล้วทั้งนั้น อย่าให้เด็กมานั่งสอนอยู่เลย... ยังไงก็ปีใหม่นี้ก็ขอให้ได้รับกรรมตามที่แต่ละคนทำมาก็แล้วกันนะคะ ใครทำกรรมดีมาก็ขอให้ได้รับกรรมดี ใครทำกรรมชั่วมาก็ขอให้ได้รับกรรมชั่ว สาธุ...

หวย

คนแทงถูกก็ได้เฮ... แต่คนที่ถูกกินก็เดินคอตกไปตามๆกัน อย่าไปคิดอะไรมาก"หวย"การเสี่ยงโชคก็มีได้มีเสีย อย่าเสี่ยงกันจนเพลินก็แล้วกัน เพราะหวยก็คือการพนันอย่างหนึ่งไม่มีใคร "รวย" หรือลืมตาอ้าปากได้เพราะการพนัน เล่นได้ซื้อได้สำหรับคนที่ชอบและขอให้เล่นแค่พอได้ลุ้นสนุกๆละกันค่ะ

นักข่าวประจำทำเนียบฯ เปิดฉายา-รบ.ปี 52




นักข่าวประจำทำเนียบฯ เปิดฉายา รมต.-รบ. ปี 52 รัฐบาลได้ฉายา "ใครเข้มแข็ง" นายกฯ ได้ฉายา "หล่อหลักลอย" ไม่กล้าปฏิบัติตามกฎเหล็ก9ข้อ ขณะที่"สุเทพ" ได้ฉายา "แม่นมอมทุกข์" ส่วน "กษิต"ได้ฉายา "ไส้ติ่งรัฐบาล"

ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า เมื่อวันที่ 28 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยฉายารัฐมนตรีและรัฐบาลประจำ ปี 2552 เป็นธรรมเนียมปฏิบัติสืบเนื่องกันมา เพื่อสะท้อนความคิดเห็นของสื่อมวลชนต่อการทำงานของรัฐบาล จากประสบการณ์การทำงานที่ปรากฏต่อสื่อสาธารณะ โดยมิได้เป็นความเห็นส่วนตัวของผู้ใดผู้หนึ่ง แต่มาจากมติส่วนรวมของสื่อมวลชน ทว่า ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาสถานการณ์ทางการเมืองไม่ปกติ โดยเกิดการรัฐประหาร อีกทั้งรัฐบาลที่เข้ามาบริหารราชการแผ่นดินหลังจากนั้นก็ทำงานไม่ครบ 1 ปี จึงไม่เข้าเงื่อนไขในการตั้งฉายารัฐบาล อย่างไรก็ตามเมื่อสถานการณ์การเมืองเริ่มกลับเข้าสู่ระบบ และรัฐบาลภายใต้การนำของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เข้าบริหารราชการแผ่นดินได้ครบ 1 ปี ผู้สื่อข่าวทำเนียบรัฐบาลจึงได้ประชุม และมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ตั้งฉายารัฐบาลและรัฐมนตรีประจำปี 2552 ดังนี้

ฉายารัฐบาล "ใครเข้มแข็ง" รัฐบาล ประกาศแผนพลิกฟื้นประเทศไทยให้พ้นจากภาวะวิกฤตเศรษฐกิจและการเมือง ผ่านแผนปฏิบัติการ "ไทยเข้มแข็ง" เพื่อลงทุนยกเครื่องประเทศครั้งใหญ่ ภายใต้พ.ร.บ. และพ.ร.ก. เงินกู้รวม 8 แสนล้านบาท เมื่อโครงการนี้ไปสู่การปฏิบัติมีเสียงวิจารณ์อย่างกว้างขวาง ทั้งเรื่องผลประโยชน์ของพรรคร่วมรัฐบาล ความไม่โปร่งใส จนเกิดคำถามว่าการสร้างหนี้เพื่อฟื้นประเทศไทยทำให้ใครเข้มแข็งระหว่าง ประชาชน หรือนักการเมือง ?

ฉายานายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี : หล่อหลักลอย

เป็น นายกรัฐมนตรีที่มีภาพลักษณ์ดี หน้าตาดี การศึกษาดี จึงมีแม่ยกเป็นจำนวนมาก มักประกาศจุดยืนและหลักการด้านประชาธิปไตย โดยเฉพาะเมื่อรับตำแหน่งได้ประกาศกฎเหล็ก 9 ข้อให้ คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีความรับผิดชอบทางการเมืองมากกว่าความรับผิดชอบทางกฎหมาย แต่เมื่อรัฐมนตรีบางคนมีปัญหาเรื่องข้อกฎหมาย หรือมีปัญหาเรื่องความไม่โปร่งใส กลับไม่ได้แสดงความรับผิดชอบทางการเมือง นั่นเท่ากับไม่สามารถกำกับให้กฎเหล็กมีผลใช้บังคับได้ หลักที่เคยประกาศไว้จึงเหมือนคำพูดที่เลื่อนลอย ไม่เป็นไปตามหลักการที่วางไว้

ฉายานายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี : แม่นมอมทุกข์

แม้ ไม่ใช่เป็นผู้ให้กำเนิดทางการเมืองแก่นายอภิสิทธิ์โดยตรง แต่ก็คอยดูแล อุ้มชู และสนับสนุนในทางการเมืองทุกอย่าง ถึงขั้นประกาศว่าความใฝ่ฝันทางการเมืองสูงสุดคือการผลักดันให้นายอภิสิทธิ์ ได้เป็นนายกฯรัฐมนตรี แต่เมื่อสานฝันได้สำเร็จ นายอภิสิทธิ์กลับสร้างปัญหาหนักอกให้นายสุเทพตามล้างตามเช็ด อาทิ การแก้รัฐธรรมนูญ การแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ทำให้ผู้จัดการรัฐบาลถูกพรรคประชาธิปัตย์วิจารณ์อย่างหนักว่าตีตัวออกห่าง มัวแต่เอาใจพรรคร่วมรัฐบาล จนเจ้าต้องอยู่ในอาการอมทุกข์

ฉายานายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี : ช่างจัดฉาก

เป็น คนสนิทของนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลสื่อของรัฐ มักเปรียบเปรยว่าตัวเองเป็น "อิมเมจ เมเกอร์" พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อสร้างภาพลักษณ์ด้านบวกให้รัฐบาล เป็นจอมจัดการ เช่น การจัดคิวให้นายกรัฐมนตรี และครม. ลงพื้นที่ จัดฉากให้ครม. ออกทีวีวิทยุ จัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์ผลงานของรัฐบาล ทว่าเสียงสะท้อนกลับติดลบเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะโครงการ "ไทยสามัคคี ไทยเข้มแข็ง" ที่ให้ทุกจังหวัดเกณฑ์คนมาร้องเพลงชาติ แต่ถูกตั้งข้อสงสัยเรื่องงบประมาณ เสมือนช่างที่พยายามจัดฉากให้ดูดี แต่ไม่มีเนื้องานเป็นรูปธรรม

ฉายานายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี : กั๊ก-กอบ-โกย

ขึ้น ชื่อว่าเป็นรองนายกรัฐมนตรี จอมตรวจสอบ กั๊ก และคอยดักจับโครงการของพรรคร่วมรัฐบาล จนเกิดเหตุกระทบกระทั่งกันอยู่เนืองๆ และถูกแกนนำพรรคร่วมตั้งสมญาว่า "พ่อชุนละเอียด" แต่ไปๆ มาๆ กลับสะดุดขาตัวเอง เมื่อพบปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อนจากการแต่งตั้งน้องชายเป็นรองผู้อำนวยการ สำนักงานเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชน (สพช.) ที่มีตัวเองเป็นประธาน สุดท้ายทั้งพี่และน้องก็ฝ่าแรงกดดันจากสังคมไม่ไหว จำต้องโกยออกจากตำแหน่ง แม้กระทั่งตำแหน่งตัวเองก็ต้องโกยออกไปเป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรี

ฉายา นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ : ไส้ติ่งรัฐบาล เป็นอดีตนักการทูตที่ได้เข้ามารับตำแหน่งในรัฐบาล จากการเป็นดาวไฮปาร์คบนเวทีกลุ่มพันธมิตรฯ แต่กลับไม่ยอมใช้วาทศิลป์ทางการทูตเชื่อมสัมพันธ์กับเพื่อนบ้าน ตรงกันข้ามถูกวิจารณ์ว่าปากเป็นพิษ โดยเฉพาะการเปรียบเปรยนายกฯ กัมพูชาว่าเป็น "แก๊งสเตอร์" จึงเปรียบเสมือนเป็น "ไส้ติ่ง" ที่แม้จะอยู่ในร่างกายได้ แต่ก็ไม่มีประโยชน์อะไร ดีไม่ดีพอเกิดการอักเสบขึ้นมาจะเป็นโทษต่อร่างกายถึงขั้นเสียชีวิตด้วย

ฉายานางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ : เจ้าแม่แพ้หน้าเน็ต เป็น รัฐมนตรีหญิงที่มีบทบาทสำคัญในครม. เพราะพยายามผลักดันโครงการของพรรคภูมิใจไทย (ภท.) เข้าสู่ครม. ตลอดเวลา อาทิ การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูง การปรับเปลี่ยนระบบการจัดงบเพื่อบริหารสินค้าเกษตร ฯลฯ แต่ถูกแกนนำรัฐบาลรุมเตะสกัด ทำให้บางโครงการไม่ผ่านการอนุมัติ บางครั้งถึงกับร่ำไห้กลางวงประชุมครม. เปรียบเสมือนนักตบลูกหนังที่แค่ตั้งท่ายังไม่ทันตบ ก็ติดบล็อกจากฝ่ายตรงข้ามเสียแล้ว

ฉายานายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย : สตั๊นท์เฒ่าเฝ้าเก้าอี้ สิงห์เฒ่าวัย 73 ปีผู้นี้ได้เข้ามารั้งเก้าอี้ มท.1 พร้อมตำแหน่งหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) แทนบุตรชายที่อยู่ในบ้านเลขที่ 111 การเป็นรัฐมนตรีถูกมองว่าเป็นการแสดงบทตามที่ลูก และเพื่อนลูกอย่างนายเนวิน ชิดชอบ คอยกำกับเท่านั้น เหมือนเป็นตัวแทนมานั่งเฝ้าเก้าอี้รอตัวจริง แต่แม้จะเป็น "สตั๊นท์เฒ่า" ก็มากด้วยเล่ห์เหลี่ยม และมีชั้นเชิงทางการเมืองสูง ทำให้สามารถเฝ้าเก้าอี้มท.1 เฝ้าเก้าอี้หัวหน้าพรรคอยู่ในรัฐบาลได้อย่างเหนียวแน่น

ฉายานายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม : ภูมิใจ "นาย" ไม่เคยทำงานบริหาร และผ่านงานคมนาคมมาก่อน แต่เป็นลูกน้องคนสนิทของนายเนวิน ชิดชอบ จึงได้รับความไว้วางใจให้คุมกระทรวงเกรดเออย่างกระทรวงคมนาคม จากนักการเมืองโนเนมจึงมีชื่อติดกระแสขึ้นมา การเสนอโครงการเป็นไปตามใบสั่ง "นาย" แทบทุกโครงการ โดยเฉพาะโครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี 4,000 คัน หลังต่อสู้กับพรรคร่วมหลายรอบ เป็นโต้โผใหญ่ในการเปิดบ้านพักที่จ. บุรีรัมย์ต้อนรับนายกรัฐมนตรี แทนลูกพี่ โดยไม่มีกลุ่มคนเสื้อแดงมาปั่นป่วน จึงถือเป็นลูกน้องที่สร้างความภาคภูมิใจให้ผู้เป็น "นาย" อย่าง "เนวิน"

ฉายานายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง : "ทวิต-กู้" เป็น ขุนคลังที่ประชาชนจดจำผลงานในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่ได้ นอกจากภาพการกู้เงินที่เป็นไม้ตายการแก้ปัญหา แต่ภาพของนายกรณ์ในโลกไซเบอร์คือนักโพสต์มือ 1 ผ่านเฟซบุ๊ค ทวิตเตอร์ และไฮไฟว์ มักเข้าไปอัพเดทภาพ-ข่าวของตัวเองอยู่ตลอดเวลา แม้กระทั่งขณะนั่งประชุมครม. ก็ยังทวิตข้อความและรูปภาพให้สมาชิกได้เข้ามาแสดงความคิดเห็น ในช่วงที่ถูกโจมตีเรื่องการทำงาน บางครั้งศรีภริยาก็ออกมาทวิตแก้ต่างให้ สมเป็นขุนคลังออนไลน์ที่มีผลงานกู้เร็วทันใจราวกับไฮ-สปีด อินเทอร์เน็ต

ฉายาพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม : ป้อมพลัง "ป" ชื่อเล่นเขาคือ "ป้อม" ได้เป็นรัฐมนตรีที่ไม่มีความชัดเจนว่าเป็นโควตาของกลุ่มการเมืองใด ไม่ใช่สายตรงประชาธิปัตย์ ไม่มีสายสัมพันธ์แนบแน่นกับภูมิใจไทย ไม่ใช่ตัวแทนของกองทัพอย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่ได้รับความเกรงกลัว-เกรงใจจากคนในรัฐบาลอย่างมาก ถึงขั้นปล่อยผ่านเมกะโปรเจคต์ของกองทัพอย่างง่ายดาย เนื่องจากมีพลัง อิทธิพล และบารมีของคนชื่อ "ป. ปลา" แห่งกองทัพเป็นป้อมปราการค้ำบัลลังก์และป้องกันภัยทางการเมือง

วาทะแห่งปี 2552 : "ใครก็ตามที่ประกาศชัยชนะ ผมถือว่าคนๆ นั้นและกลุ่มคนนั้นคือศัตรูของประเทศอย่างแท้จริง" เป็นถ้อยแถลงของนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 11 เม.ย. ที่โรงแรมรอยัล คลิฟบีช พัทยา จ. ชลบุรี ที่กล่าวไว้หลังจากกลุ่มคนเสื้อแดงนำมวลชนบุกล้มการประชุมสุดยอดอาเซียนและ คู่เจรจาที่เมืองพัทยา และประกาศว่าเป็นชัยชนะของชาวเสื้อแดง อนึ่ง ที่ประชุมสื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาล ได้ออกแถลงประณามกองบรรณาธิการข่าวการเมืองสถานีโทรทัศน์ ช่อง 3 อสมท กรณี เผยแพร่ข้อมูลฉายารัฐบาลประจำปี 2552 พร้อมเบื้องหลัง ก่อนวันเวลาที่กำหนด

ที่มา : ไทยรัฐ

สามัคคี แปล ว่าอะไร

 แทบจะเรียกได้ว่า 100% เต็ม ของรายการทีวีไทย จะต้องมีดารา นักแสดง หรือ พิธีกร พูด ให้คนไทยต้องสามัคคีกัน ตอนนี้ใครทะเลาะกับใครหรือครับ? คำว่าสามัคคีแปลว่า คนที่ไม่ได้รับความยุติธรรมต้องอยู่เฉย ๆ หรือ?

เราลองมาทบทวนกันดูหน่อยไหมว่า เราควรจะนิ่งเฉยในประเด็นใดบ้าง เพื่อสนองคำว่า สามัคคี

-ถ้ามีนักเลงโตพาพวกบุกยึดสถานีโทรทัศน์ สนามบินนานาชาติ ทำเนียบรัฐบาล ทำลายข้าวของ เราก็ควรจะปล่อย ๆ ไปใช่ไหม?
-หรือถ้ามีใครสักคนบุกรุกป่าสงวน สร้างบ้านใหญ่โต ก็คงไม่เป็นไร หากคนนั้นเป็นคนใหญ่คนโตงั้นสิ
-เด็กปี1คณะนิติศาสตร์ ถ้าเรียนวิชากฏหมายทั่วไป แล้วก็คงรู้ว่า โดยหลัก จะไม่มีการตัดสินคดี โดยใช้กฎหมายย้อนหลังเพื่อเป็นโทษแก่จำเลย และไม่ควรใช้พจนานุกรม มาใช้ตัดสินคดีความทั้งที่มีกฎหมายอื่นให้เทียบเคียง หากมีการตัดสินคดีแบบกระเหรี่ยง ๆ แบบนี้ เราก็ควรจะนิ่งเฉยเพื่อความ สามัคคี

นี่เป็นเพียงตัวอย่าง ที่พอจะนึกออกว่า กว่า 3 ปีที่ผ่านมา บ้านเมืองนี้มันวิปริตอย่างไรบ้าง แล้วมีกลุ่มคนกลุ่มใหญ่ ออกมาทักท้วงเพื่อความถูกต้อง เรียกร้องความยุติธรรม มันคือการไม่รักชาติ และไม่สามัคคีอย่างนั้นหรือ

สามัคคีเป็นเรื่องดี แต่ตอนนี้กำลังถูกบิดเบือนหรือเปล่า ลองคิดกันดู

รหัสลับ

เมื่อสักสัปดาห์ที่ผ่านมาเห็นจะได้ คุณจตุพร ได้เปิดเผยเอกสารลับ เป็นที่ฮือฮากันพอสมควร ก็เลยพาลนึกถึงเรื่องอะไร ลับ ๆ ขึ้นมาได้ ผมหมายถึง รหัสลับ หลายเดือนก่อน มีวาทะเด็ดของคุณณัฐวุฒิ
"เสียงจากดินถึงฟ้า"



ฟังกี่ครั้งก็ซึ้งใจ และรู้สึกว่ามันสุดยอด มันเจ๋ง และก็จับแพะชนแกะ ไปนึกถึงสำนวนหนังจีนประโยคหนึ่งว่า "คนเราคิดวางแผน สำเร็จหรือไม่ขึ้นอยู่กับฟ้า"

วันนี้ก็ค้นเพลงเก่า ๆ ในเครื่อง ก็ไปเจอเพลง ที่เพื่อนชาวไซเบอร์เคยเปิดให้ฟังนานมาแล้วในวันที่เค้าอกหัก เค้าไม่ได้อกหักจากสาวที่ไหน แต่ อกหักจากความรู้สึกของตัวเอง เพลง ๆ นั้นชื่อ
"ส่องไฟขึ้นฟ้า"



ศิลปิน : ดัง พันกร
อัลบั้ม : Abolute Dunk
เพลง : ส่องไฟขึ้นฟ้า


มีเพียงเธอทุกลมหายใจ ทำอะไรก็ทำเพื่อเธอ
ถึงแม้เหน็ดเหนื่อย ความตั้งใจยังเหมือนเดิม
ทำมานานก็นานเกินไป ควรทำใจและควรจะรู้ตัว
ทั้งเหงาและเจ็บ เพราะว่าเธอไม่รักเลย

* ก็มันรักมากมาย แต่ได้กลับมาแค่เสียใจ
ต่อให้รักแทบตาย แต่รักกลับไปไม่ถึงเธอ

** เหมือนส่องไฟขึ้นฟ้า ฟ้าไกลเกินไป ส่องไปเท่าไรมันก็สูญเปล่า
ทุ่มเทให้เธอ ยิ่งทำยิ่งหาย รักเธอแค่ไหนมันก็เสียเปล่า ไม่เห็นอะไรเลย


ใจเราคงเหมือนไฟใกล้ดับ ทำยังไงไม่อาจส่งถึงเลย
หวังนั่นว่างเปล่า ไม่มีความหมายใด

(ซ้ำ * , **)

(ซ้ำ ** , **)

รหัสลับนี้ ใครแปลได้อย่างไรบอกที อยากรู้ ว่าแปลเหมือนกันหรือเปล่า

สงครามในภูมิภาคนี้

ข้อพิพาทระหว่าง นายกฯไทยกับนายกฯกัมพูชา ร้อนระอุขึ้นทุกวัน ความเคลื่อนไหวของ ฮุน เซน นายกฯกัมพูชา แต่ละย่างก้าว ตอกหน้ารัฐบาลไทย นายกฯไทยทุกดอก การตอบโต้ ของฝ่ายไทยกลับยิ่งเป็นการเปิดช่องให้กัมพูชาทิ่มแทงให้ บาดแผลลึกมากขึ้น

งานนี้ กษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ และ นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เดินเกมผิดมาตั้งแต่ต้น แสดงถึงความเป็นมือใหม่หัดขับ กับดักที่นายกฯฮุน เซนวางไว้ เข้าทางทุกลูก

วันนี้รัฐบาลไม่ใช่ต้องรับมือกับ เสื้อแดง หรือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เท่านั้น แต่ต้องรับมือกับรัฐบาลกัมพูชาด้วย ทั้งศึกใน ศึกนอก  รอบบ้านมีแต่ศัตรูก็อยู่กันด้วยความหวาดระแวง การโกอินเตอร์ของนายกฯอภิสิทธิ์  ความสำเร็จไม่ใช่อยู่ที่การเป็นข่าวว่า เดินทางไปพบผู้นำคนนั้นคนนี้ หรือเข้าประชุมในระดับสากลแค่ไหนอย่างไร

แต่อยู่ที่มิตรภาพมากกว่า เราไม่ได้รับมิตรภาพจากประเทศเพื่อนบ้านเลยแม้แต่ประเทศเดียว ลาว เวียดนาม กัมพูชา พม่า มาเลเซีย สิงคโปร์ มีประเทศไหนที่เป็นมิตรแท้กับบ้านเราบ้าง รัฐบาลคงรู้แก่ใจดีที่สุด การออกมาเปิดใจให้สัมภาษณ์ของ คำรบ ปาลวัฒน์วิไชย นอกจากจะมัดตัวเองและประจานกระทรวงต่างประเทศแล้ว ยังเป็นใบเสร็จมัดข้อกล่าวหาของกัมพูชาด้วย

วันนี้ระหว่างคำพูดของ ศิวรักษ์ ชุติพงษ์ กับคำรบ ใครมีน้ำหนักกว่ากันคงไม่ต้องเฉลยให้เมื่อยตุ้ม ด้วยการชิงถือไพ่ที่เหนือกว่า ดูเหมือนว่า รัฐบาลอภิสิทธิ์ จะถึงทางตันสำหรับการที่จะเอาตัว พ.ต.ท.ทักษิณกลับมาลงโทษในประเทศไทย

อยู่แค่ปลายจมูกยังไม่มีปัญญาทำอะไร

กับการที่ฮุน เซน แฉเองว่า รัฐบาลไทยมีแผนที่จะกำจัด พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ต้องมีใบเสร็จ คนระดับผู้นำที่กล้าล้วงลึกขนาดนี้ต้องมั่นใจ

ข้อต่อรองให้รัฐบาลกัมพูชายอมรับในกระบวนการยุติธรรมของศาลไทย  ให้ยกเลิกการตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณเป็นที่ปรึกษาเศรษฐกิจ  ถูกสวนกลับด้วยข้อเสนอว่าความสัมพันธ์กับประเทศไทยจะมีขึ้นก็ต่อเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลใหม่

ปิดประตูความสัมพันธ์ชัดเจน

ยังต้องรอลุ้น กรณีเครื่องบินขนอาวุธสงคราม จะชักน้ำเข้าลึกชักศึกเข้าบ้านอีกหรือไม่ ยิ่งผู้นำให้สัมภาษณ์แสดงวิสัยทัศน์ว่าอาจจะเอาอาวุธที่ยึดได้บางชนิดไว้ใช้งาน

หมดหล่อ

ลดระดับความเป็นอินเตอร์ในพริบตาเดียว บวกกับความไม่ยุติธรรมบางอย่างในประเทศที่กำลังจะเกิดขึ้น คดีเงินบริจาคก็เริ่มแฉถึงความฉาว เข้าทำนอง ความยุติธรรมไม่มี สามัคคีไม่เกิด รอวันเสียงปืนแตก.


โดย หมัดเหล็ก คอลัมน์ คาบลูกคาบดอก
ไทยรัฐออนไลน์ 21 ธันวาคม 2552, 05:00 น.

สวนดุสิตโพลล์: ความมั่นใจของประชาชน ต่อ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

สวนดุสิตโพล -- อังคารที่ 8 ธันวาคม 2009 07:21:16 น.

แม้ภาวะเศรษฐกิจของประเทศ จะเริ่มมีสัญญาณบ่งบอกว่ากำลังฟื้นตัว และในช่วงปี 2553 คาดว่าอัตราการขยายตัวจะเป็นบวกมากขึ้น แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยสำคัญหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการบริหารงานของภาครัฐ โครงการลงทุนต่างๆ และนโยบายเศรษฐกิจที่จริงจัง ต่อเนื่อง เช่น การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ในแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง  นอกจากนี้ความสงบเรียบร้อยในบ้านเมืองก็เป็นปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่งเช่นกัน  “สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต  ร่วมกับ รายการ “ก่อนตัดสินใจ”  จึงได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศต่อความมั่นใจในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ จำนวน 1,327 คน  ระหว่างวันที่ 1-3 ธันวาคม  2552  สรุปผลได้ดังนี้

1.  ประชาชนคิดว่าภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยในขณะนี้เป็นอย่างไร ?
อันดับ 1 แย่ลง                               71.43%
อันดับ 2 เหมือนเดิม                        24.40%
อันดับ 3 ดีขึ้น                                  4.17%

2. “รายได้”  ในครอบครัวของประชาชนขณะนี้  เป็นอย่างไร ?
อันดับ 1 เท่าเดิม                             49.70%
อันดับ 2 ลดลง                               44.31%
อันดับ 3 เพิ่มขึ้น                               5.99%

3. “รายจ่าย”  ในครอบครัวของประชาชนขณะนี้  เป็นอย่างไร ?
อันดับ 1 เพิ่มขึ้น                              56.55%
อันดับ 2 ลดลง                                23.81%
อันดับ 3 เท่าเดิม                             19.64%

4. นโยบายเศรษฐกิจ ของ รัฐบาล เรื่องใด? ที่ประชาชนเห็นด้วย
อันดับ 1 การลดค่าครองชีพ เช่น รถเมล์, รถไฟฟรี    21.04%
อันดับ 2 ประกันราคาพืชผลการเกษตร                   19.51%
อันดับ 3 การแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ                       16.46%
อันดับ 4 ต้นกล้าอาชีพ                                         11.59%
อันดับ 5 ถนนปลอดฝุ่น                                        10.37%
อันดับ 6 ปฏิรูปรถไฟ-รถไฟความเร็วสูง                    8.84%
อันดับ 7 สร้างระบบชลประทานทั่วประเทศ               6.40%
อันดับ 8 เช่ารถเมล์ NGV 4,000 คัน                        5.79%

5. ประชาชนคิดว่ามาตรการและนโยบายแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดปัจจุบัน ประสบความสำเร็จมากน้อยเพียงใด ?
อันดับ 1 น้อย                                  33.93%
อันดับ 2 น้อยที่สุด                           28.56%
อันดับ 3 ปานกลาง                          27.98%
อันดับ 4 มาก                                    6.55%
อันดับ 5 มากที่สุด                             2.98%

6. จากที่รัฐบาลประกาศว่าเศรษฐกิจไทยปี 2553 จะขยายตัว 3-3.5 % ประชาชนคิดว่าเป็นไปได้หรือไม่ ?
อันดับ 1 เป็นไปไม่ได้                      49.40%
อันดับ 2 ไม่แน่ใจ                            38.10%
อันดับ 3 เป็นไปได้                          12.50%

7. ช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ประชาชนตั้งใจจะใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากการใช้จ่ายปกติ หรือไม่?
อันดับ 1 ตั้งใจจะใช้จ่ายเพิ่มขึ้น         39.89%
อันดับ 2 ใช้จ่ายเหมือนเดิม               35.71%
อันดับ 3 ไม่แน่ใจ                            24.40%

มักสาวเสื้อแดง

มักสาวเสื้อแดง (Loving Red shirts) บทเพลงจาก nakaramusic




เพลง นักรบนิรนาม : จิ้น

ส่งนายทะเบียน คดียุบปชป. อภิชาตให้ยกคำร้อง


มติกกต. 4 ต่อ 1 เสียงข้างมาก ให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์  พบการกระทำความผิด ทั้ง 2 กรณี ส่วน กกต.เสียงข้างน้อย "อภิชาต สุขัคคานนท์"  ให้ยกคำร้องทั้ง 2 กรณี แต่การลงมติไม่สมบูรณ์ ส่งนายทะเบียนทำความเห็น

ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต. แถลงผลการประชุมกกต.เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. ว่า ที่ประชุม กกต.ได้พิจารณาข้อกล่าวหากรณีพรรคประชาธิปัตย์ รับเงินบริจาคจำนวน 258 ล้านบาท จากบริษัท ทีพีไอโพลีน จำกัด (มหาชน) และการใช้เงินกองทุนพัฒนาพรรคการเมืองผิดวัตถุประสงค์ อาจเข้าข่ายความผิด พ.ร.บ.พรรคการเมือง โดยที่ประชุม กกต.มีมติด้วยคะแนนเสียงข้างมาก เห็นควรส่งเรื่องให้นายทะเบียนพรรค การเมือง พิจารณาทำความเห็นว่าสมควรจะส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยหรือไม่

มีรายงานว่า  ที่ประชุม กกต.มีการลงมติด้วยคะแนนเสียง 4 ต่อ 1 โดย กกต.เสียงข้างมากเห็นว่าให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์ เนื่องจากพบการกระทำความผิด ทั้ง 2 กรณี ส่วน กกต.เสียงข้างน้อยคือนายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต. ให้ยกคำร้องทั้ง 2 กรณี แต่การลงมติไม่สมบูรณ์ เนื่องจากนายอภิชาตในฐานะนายทะเบียนพิจารณา โดยนายอภิชาตเข้าใจว่า การพิจารณาคดีนี้จะเหมือนกับการตัดสินคดีของนายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีต กรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน ที่ไม่ต้องมีความเห็นของนายทะเบียนเข้ามาประกอบ ที่ประชุมจึงให้รอความเห็นของนายอภิชาตส่งเข้ามาก่อน


ที่มา ไทยรัฐออนไลน์ 18 ธันวาคม 2552, 05:50 น.

หลงเงาการเมือง

นักวิชาการบางท่านวิพากษ์ ผลงานรัฐบาลครบรอบ 1 ปี ว่า คือการที่ ไม่มีผลงานอะไรเลย มีความพยายามของหลายฝ่ายในการที่จะประเมินผลงานของรัฐบาลรวมทั้งสื่อมวลชนด้วย ยิ่งวาระครบรอบ 1 ปีของรัฐบาลอยู่ในช่วงประเพณีการตั้งฉายารัฐบาลและ ครม.พอดี คงถูกกระหน่ำไม่น้อย

ความจริงรัฐบาลก็ไม่น่าจะกังวลอะไรและไม่น่าจะรู้สึกอะไรกับคำวิพากษ์วิจารณ์ด้วยซ้ำ อาศัยลูกตื๊อไปเรื่อยๆ สิ่งที่รัฐบาลกำลังถูกจับตามากที่สุดก็คือการเล่นละคร โดยปราศจากความรับผิดชอบ

ดูอย่างประเด็นรถเมล์เช่า ขสมก. 4 พันคัน กระทรวงคมนาคม หรือโครงการขายข้าวโพดของกระทรวงพาณิชย์ เป็นต้น ทั้ง นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และรองนายกฯฝ่ายเศรษฐกิจ กอร์ปศักดิ์ สภาวสุ ออกมาขวางลำทำท่าจะเอาจริงเอาจังเสียจนชาวบ้านนึกว่ารัฐบาลแตกแน่

เอาเข้าจริงยิ่งกว่าฮั้ว

วันนี้ทุกอย่างเรียบร้อยไปหมดแล้ว เห็นชอบด้วยทุกเรื่อง แม้แต่การขายข้าวโพดที่ดักหน้าดักหลังคุณ พรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ เสียจนน้ำตาซึมใน ครม. สุดท้ายข้าวโพดจำนวนสาม แสนกว่าตันได้รับการอนุมัติโดยขายให้กับผู้ซื้อที่ประมูลราคาสูงสุด เข้ามา 2 ราย ที่ราคาเฉลี่ยตันละ 4 พัน 7 ร้อยบาท และ 4 พัน 4 ร้อยบาท รวมแล้วขายได้ประมาณ 1 พัน 5 ร้อยล้านบาท

ขาดทุนจากราคารับจำนำไปประมาณ 1 พัน 8 ร้อยล้านบาท

ไม่รวมค่าดูแลคุณภาพของข้าวโพดในระหว่างเก็บไว้อีกเดือนละ 26 ล้านบาท มีแต่เจ๊งกับเจ๊ง นี่ถ้ามาบิดเบือนจะนับเป็นผลงานของรัฐบาลก็คงจะกระไรอยู่

เมื่อเทียบกับ 5 มาตรการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ที่กระทรวงการคลังต่ออายุให้แล้ว มีประโยชน์กว่าเยอะแม้จะต่ออายุให้อีกแค่ 6 เดือนก็ตามทีเถอะ

เพราะอย่างน้อยก็ถึงมือประชาชนโดยตรง

มีอีกหลายกระทรวงที่ไร้ผลงานด้านบวก เต็มไปด้วยผลงานด้านลบ จับตาไปที่กระทรวงไอซีทีของคุณระนองรักษ์ สุวรรณฉวี กระทรวงอุตสาหกรรมของคุณชาญชัย ชัยรุ่งเรือง กระทรวงศึกษาธิการของคุณจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ กระทรวงสาธารณสุขของคุณวิทยา แก้วภราดัย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมของคุณสุวิทย์ คุณกิตติ

ทั้งนิ่มทั้งเนียน

สมมติฝ่ายค้านได้ทำหน้าที่อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลและไม่มีการฮั้วกันเกิดขึ้น อยากจะแนะนำให้พิจารณาเนื้อหาของการอภิปรายรัฐบาลให้ดี จะเห็นภาพที่แท้จริงของรัฐบาลชุดนี้ที่จะเป็นสัญญาณอันตรายต่อการบริหารประเทศทั้งสิ้น

ไม่น่าไว้วางใจ.


โดย หมัดเหล็ก คอลัมน์ คาบลูกคาบดอก
ไทยรัฐออนไลน์ 18 ธันวาคม 2552, 05:00 น.

อยากมีเรื่อง




ดาวน์โหลด mp3 mp3 wmv

เพลงอยากมีเรื่อง : เพลงสนุก ๆ ของคนเสื้อแดง

โลกหมุนเวียน สมัคร สุนทรเวช




ว่าไงมาร์ค จะตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับเลบานอนหรือเปล่า?

ดร. ทักษิณ ชินวัตร เข้าพบ H.E. Mr. Michel Suleiman ประธานาธิบดีเลบานอน ที่ทำเนียบประธานาธิบดี กรุงเบรุต ประเทศเลบานอน เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2552



ดร. ทักษิณ ชินวัตร เคารพศพนายราฟิก ฮาริรี อดีตนายกรัฐมนตรีเลบานอน ที่ถูกลอบสังหารโดยระเบิด ขบวนรถด้วยระเบิด TNT กว่า1,000 กิโลกรัม เมื่อ 14 ก.พ.2548

วิสัยทัศน์สั้น

การแข่งขันทางการค้าในปีหน้า เชื่อว่าจะมีความรุนแรงมากขึ้นเพราะความเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลกที่รัดตัวขึ้น ผลกระทบทางเศรษฐกิจที่จะมีต่อการอุปโภคและบริโภคของประชาชนยิ่งรุนแรงขึ้นเช่นกัน โฉมหน้าทางการค้าน่าจะเปลี่ยนจาก คู่ค้าเป็นคู่แข่ง ที่ต้องใช้กลยุทธ์ชั้นสูงและวิสัยทัศน์มุมมองที่กว้างไกล ที่สำคัญคือจะต้องมีความเป็นมืออาชีพ ต้องใช้ประสบการณ์อย่างสูง

ประเทศไทยก็หนีภาวะการแข่งขันทางเศรษฐกิจครั้งนี้ไปไม่ได้ ให้จับตาการปรับตัวและปรับฐานเศรษฐกิจ ซึ่งแน่นอนว่าจะเป็นโอกาสทองของภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก ประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ สหรัฐฯ อียู จีน ญี่ปุ่น ซึ่งมีกำลังบริโภคภายในสูงอยู่แล้ว แม้การแข่งขันจะสูงแค่ไหน พื้นฐานก็ยังมั่นคง

แต่ประเทศเราที่ต้องยืมจมูกคนอื่นหายใจ หากไม่คิดปรับตัว เห็นทีจะรอดยาก การปรับฐานเศรษฐกิจของแต่ละประเทศในภูมิภาคนี้น่าจับตามากที่สุด เวียดนาม ไม่ต้องทำอะไรมาก แค่ประกาศว่าจะลดค่าเงินเท่านั้น เนื้อหอมขึ้นมาทันที

จากการสำรวจ ประเทศที่น่าลงทุนในย่านนี้ เวียดนาม ลาว กัมพูชาติดอันดับดีกว่าบ้านเรา โดยเฉพาะเวียดนามมาอันดับหนึ่ง ในอุตสาหกรรมเกือบจะทุกประเภท

คุยกับผู้มีประสบการณ์โครงสร้างพื้นฐานที่จะรองรับการลงทุน ยังสู้เราไม่ได้  แต่มีการพัฒนาเร็วมาก  อีกไม่นานอาจจะแซงเราโดยไม่รู้ตัว ในจังหวะนี้ถ้าเราไม่สามารถฟื้นฟูความเชื่อมั่นในการลงทุนได้

โอกาสจะปิดทันที

และเราจะกลายเป็น  ประเทศที่ล้าหลังที่สุดในเอเชีย  ทำเป็นล้อเล่นไป ใครจะคาดคิดว่าวันนี้กัมพูชา  เวียดนาม ที่เคยเป็นประเทศหลังเขา มีแต่สงคราม จะรุดหน้าได้ขนาดนี้

สิ่งที่สำคัญคือ สินค้าคุณภาพที่เป็นเอกลักษณ์ของบ้านเรา ไม่ว่าจะเป็นข้าวสาร หรือแม้แต่กะปิ น้ำปลา เราก็ถูกประเทศเพื่อนบ้านเราลอกเลียนแบบ ผลิตบริโภคขายเองได้เกือบหมด อีกหน่อย แฟ้บ สบู่ ยาสีฟัน ของใช้ประจำวันก็จะถูกขโมยซีนไปผลิตเอง จำหน่ายเองหมด

ในสภาวะที่ได้เปรียบด้านต้นทุนการผลิต คิดบ้างหรือไม่ว่า จากการที่เราเคยเป็นประเทศผู้ส่งออกสินค้าเหล่านี้ไปสู่ประเทศเพื่อนบ้าน จะกลายเป็นว่าเราต้องนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้านเพราะราคาถูกกว่า

นี่คืออันตรายจากการขาดวิสัยทัศน์

รัฐบาลเล็งแต่จะสร้าง ภาพพจน์ทางการเมือง เพื่อให้รัฐบาลอยู่ได้ แต่ประเทศกำลังจะล่มจม เข้ามาก็เปิดฉากกู้ 4 แสนล้านแปดแสนล้าน พอจวนตัวเริ่มผลักภาระให้ประชาชน ให้จับตารายการถอนขนห่าน ขูดรีดภาษีกันอีกกระทอก ขึ้นภาษีในขณะที่เศรษฐกิจตกต่ำ ก็มีแต่หนทางเอวัง

ส่วนลิ่วล้อวิสัยทัศน์สั้น วันๆวนอยู่กับเรื่องเสื้อแดง ปรับ ครม. ชวนทะเลาะกับประเทศเพื่อนบ้าน ไล่ล่าทักษิณไม่เลิก วันดีคืนดี ก็ออกมาฟัดกับเงาตัวเอง ด่าพวกเดียวกันเองซะอย่างนั้น ถือเป็นกรรมของคนไทย.


โดย หมัดเหล็ก คอลัมน์ คาบลูกคาบดอก
ไทยรัฐออนไลน์ 10 ธันวาคม 2552, 05:00 น.

แหลมั่งคง

แหลมั่งคง (Thi only lie) บทเพลงจาก nakaramusic



ฮุนเซนไล่ควาย

ฮุนเซนไล่ควาย (Hunsen chase buffalo) บทเพลงจาก nakaramusic



เกมการเมือง

พรรคการเมืองที่เชี่ยวชาญเกมการเมืองมากที่สุดก็ต้องยกให้ พรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าวิกฤติการเมืองจะเชี่ยวแค่ไหน ประชาธิปัตย์สามารถที่จะฝ่ามรสุมไปได้ทุกครั้ง เคยเป็นแม้กระทั่งรัฐบาลเสียงข้างน้อย เคยสร้างตำนาน งูเห่า การวางหมากเกมทางการเมืองของประชาธิปัตย์ต้องยอมรับว่า คาดไม่ถึง

นักการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ทั้งในอดีตและปัจจุบัน จึงล้วนแล้วแต่มีชื่อเสียง และเป็นพรรคการเมืองที่ปั้นผู้จัดการรัฐบาลมาหลายต่อหลายคน จนถึงวันนี้นอกจากพรรคชาติไทยในอดีต พรรคไทยรักไทยในอดีต ที่พยายามจะเทียบรัศมี สุดท้ายมีอันเป็นไป มาตายตอนจบทุกครั้ง

ค่ายประชาธิปัตย์ บรรดาหัวหน้าพรรคในอดีตจนถึงปัจจุบัน สร้างประวัติศาสตร์การเมืองไว้หลายหน้าจนถึง คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคคนปัจจุบันที่กำลังจะทำลายประวัติศาสตร์การเป็นรัฐบาลในยุคนี้สามารถอยู่ได้ครบ 1 ปีสำเร็จหลังการยึดอำนาจ

แต่ว่ากันว่า ประชาธิปัตย์มักจะแพ้ทางทหาร

ในยุคหลังๆประชาธิปัตย์เองพยายามที่จะ ทำตัวกลมกลืนกับทหาร ไม่แสดงตัวเป็นผู้นำของระบอบประชาธิปไตยให้โจ๋งครึ่ม เหมือนสมัยก่อน

แม้มรสุมจากวิกฤติการเมืองจะกดดันพรรคประชาธิปัตย์และนายกฯอภิสิทธิ์ ไปสู่จุดอับปางกลางทะเล แต่เหล่ากุนซือในพรรคก็ไม่หวั่นไหว พลิกตำราแก้เกมกันทุกวินาที

กระแสกดดันวันนี้คือความไม่เชื่อมั่นที่ตัวนายกฯ ความไม่เชื่อมั่นในภาวะผู้นำและความไม่เชื่อมั่นในทีมเศรษฐกิจ ประกอบกับปัญหาการทุจริตคอรัปชัน ที่ไม่สามารถจะใช้ชื่อเสียงของพรรคฟอกออกได้หมด

จึงมาถึงตำราเปลี่ยนม้ากลางศึก

แรงกดดันจากภายนอกทำให้ต้องปั่นกระแส การปรับ ครม. โดยเฉพาะในตำแหน่งสำคัญ การที่นายกฯพูดชัดว่าไม่พอใจในการแก้ปัญหาไฟใต้ คนที่สะอึกคือ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง รมว. มหาดไทย รมว.กลาโหม และผบ.ทบ.

ท่ามกลางกระแสการปรับ ครม.

อีกนัย แม้ความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจจะติดลบ แม้การทำหน้าที่ของ รมว.ต่างประเทศจะบกพร่อง นายกฯมองข้ามที่จะไม่ไปแตะ ตรงกันข้ามพยายามจะโอบอุ้มซะด้วยซ้ำ ออกมาการันตีว่าเศรษฐกิจไทยกำลังจะฟื้น ปีหน้าความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจจะกลับมาอยู่ที่บวกร้อยละ 3 เป็นต้น

ในขณะที่มีการทุจริตกันบานเบอะ

นายกฯก็ไม่สนใจอีกนั่นแหละ เอาเป็นว่า รมต.สายเศรษฐกิจพุงกาง แต่สายความมั่นคงกลับถูกจับตาเป็นพิเศษ ได้ข่าวมาว่า คุณสุเทพ เทือกสุบรรณ ในฐานะเลขาธิการพรรคซึ่งมีหน้าที่เลี้ยงดูปูเสื่อลูกพรรคอยู่ในสถานะตกอับ ต้องไปยืมเงินจากเพื่อนข้ามพรรคมาจุนเจือลูกพรรคตัวเอง ซึ่งเป็นไปตามเกมพันธมิตรฯ.


โดย หมัดเหล็ก คอลัมน์ คาบลูกคาบดอก
ไทยรัฐออนไลน์ 2 ธันวาคม 2552, 05:01 น.

อาลัยแด่การจากไปของลุงหมัก


24 พฤศจิกายน 2552 เป็นอีกหนึ่งวันที่เราต้องเสียขุนพลฝ่ายประชาธิปไตยไป อย่างไม่มีวันกลับ กับการจากไปของนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 25 ของไทย เมื่อเวลา 08:48น. ที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ หลังเข้าพักรักษาตัวด้วยโรคมะเร็งขั้วตับ เป็นเวลาประมาณ 1 ปี

หลังจากการรัฐประหารเมื่อปี 2549 หลังจากการที่พรรคไทยรักไทยถูกยุบ ตามแผนบันได 4 ขั้นของ คมช และตัดสิทธิ์ทางการเมืองของกรรมการบริหารพรรคทั้ง 111 คน

ในวันที่ฝ่ายประชาธิปไตยต้องเพลี่ยงพล้ำอย่างนี้ ลุงหมักได้อาสารับหน้าที่เป็นหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ทำหน้าที่เป็นขุนพลที่ช่วยให้ฝ่ายประชาธิปไตย ได้ฟื้นกลับมาตั้งตัวได้อีกครั้งหนึ่ง และเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นมวลมหาประชาชนอย่างทุกวันนี้

ขอขอบคุณลุงหมัก ขอขอบคุณอย่างจริงใจ ที่มีส่วนทำให้คนเสื้อแดงเติบโตจนถึงทุกวันนี้
อาลัยยิ่ง หลับให้สบายเถิด



ชีวประวัติ โดยสังเขป
นายสมัคร สุนทรเวชเป็นบุตรของ เสวกเอก พระยาบำรุงราชบริพาร (เสมียน สุนทรเวช) กับ คุณหญิงบำรุงราชบริพาร (อำพัน จิตรกร) เป็นหลานลุงของ มหาเสวกตรี พระยาแพทย์พงศาวิสุทธาธิบดี (สุ่น สุนทรเวช) นายแพทย์ประจำพระองค์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว และเป็นหลานตาของ มหาเสวกตรี พระยาอนุศาสน์จิตรกร (จันทร์ จิตรกร) จิตรกรประจำสำนัก

นายสมัครเป็นบุตรคนที่ 4 ในจำนวนพี่น้อง 6 คน ดังนี้
    * พ.อ. (พิเศษ) พ.ญ.มยุรี พลางกูร - อดีตรองผู้อำนวยการ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า
    * นางเยาวมาลย์ ราชวังเมือง - ประกอบธุรกิจส่วนตัว
    * พล.อ.อ.สมมต สุนทรเวช - อดีตที่ปรึกษา ทอ. (ถึงแก่กรรมแล้ว)
    * นายสมัคร สุนทรเวช
    * นายมโนมัย สุนทรเวช - พนักงานรัฐวิสาหกิจ
    * นายสุมิตร สุนทรเวช - นักการเมือง หัวหน้าพรรคประชากรไทย

นายสมัคร สมรสกับ คุณหญิงสุรัตน์ สุนทรเวช ที่ปรึกษาด้านการเงินของบริษัทใน เครือเจริญโภคภัณฑ์ มีบุตรสาวฝาแฝด คือ กานดาภาและกาญจนากร ปัจจุบันสมรสแล้วทั้งคู่ จากการที่ภรรยาทำงานอยู่กับบริษัทเอกชนมาตั้งแต่ พ.ศ. 2505 สถานะการเงินของภรรยาจึงมั่นคงพอที่จะดูแลครอบครัวได้ นายสมัครเลยมิได้ทำงานประจำให้กับหน่วยงานใด และได้ทำงานด้านการเมืองเพียง อย่างเดียว มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2516

สรุปประวัติทางการเมือง
    * พ.ศ. 2511 : เข้าเป็นสมาชิก พรรคประชาธิปัตย์ (พ.ศ. 2511 - 2519)
    * พ.ศ. 2514 : สมาชิกสภาเทศบาลนครกรุงเทพมหานคร (ได้รับเลือกตั้ง เมื่อ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2514)
    * พ.ศ. 2516 : สมาชิกสมัชชาแห่งชาติ (ได้รับแต่งตั้งเมื่อ 10 ธ.ค.16) และ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (ได้รับแต่งตั้งเมื่อ 23 ธ.ค.16)
    * พ.ศ. 2518 : สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร (ม.ค. 2518)
          o พ.ศ. 2518 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
    * พ.ศ. 2519 : สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร (เม.ย. 2519)
          o พ.ศ. 2519 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย
          o พ.ศ. 2519 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (พ.ศ. 2519 - 2520)
    * พ.ศ. 2522 : ก่อตั้งพรรคประชากรไทย และดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค
          o สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร (เม.ย. 2522)
          o ประธานคณะกรรมาธิการการคลัง และสถาบันการเงิน (พ.ศ. 2523 - 2526)
    * พ.ศ. 2526 : สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร (เม.ย. 2526)
          o รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม (พ.ศ. 2526 - 2529)
    * พ.ศ. 2529 : สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร (ก.ค. 2529)
          o ประธานคณะกรรมาธิการการปกครอง (พ.ศ. 2529 - 2531)
    * พ.ศ. 2531 : สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร (ก.ค. 2531)
          o ประธานคณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจ (พ.ศ. 2531 - 2533)
    * พ.ศ. 2533 : รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม (พ.ศ. 2533 - 2534)
    * พ.ศ. 2535 : สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร (มี.ค. 2535) (ก.ย. 2535)
          o ประธานคณะกรรมาธิการการคมนาคม (พ.ศ. 2535 - 2538)
    * พ.ศ. 2538 : สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร (ก.ค. 2538)
    * พ.ศ. 2539 : สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร (พ.ย. 2539)
    * พ.ศ. 2543 : ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (พ.ศ. 2543 - 2547)
    * พ.ศ. 2550 : รับตำแหน่งหัวหน้าพรรคพลังประชาชน (พ.ศ. 2550 - 30 ก.ย. 2551)
    * พ.ศ. 2551 : นายกรัฐมนตรีของประเทศไทย (29 ม.ค.2551 - 9 ก.ย.2551)

กับดัก

กรณีที่ปรากฏเป็นข่าวว่า รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง สุเทพ เทือกสุบรรณ ได้เสนอแผนความมั่นคงของประเทศเข้าสู่ที่ประชุม ครม.ที่ผ่านมา ซึ่งในแผนความมั่นคงดังกล่าวได้ระบุถึงการเตรียมพร้อมที่จะทำสงคราม พร้อมรบ ถึงขนาดจัดทำเป็นคู่มือแจกจ่ายให้กับหน่วยงานความมั่นคงทั้งหมด

ถ้าจริงก็ว้าเหว่

สมมติมีการเสนอแผนดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุม ครม.ไม่ว่าจะเป็นทางการหรือไม่เป็นทางการก็ตาม คนที่คิดเรื่องนี้แย่มาก ความคิดยังห่างไกลความเจริญพอสมควร เพราะแนวคิดการก่อสงคราม เป็นเรื่องที่กำลังถูกต่อต้านจากสังคมโลกที่เจริญแล้ว

แล้วถ้าเกิดสงครามขึ้นมาจริงๆ ถามว่ารัฐบาลชุดนี้จะอยู่ได้ หรือเปล่า ประเทศไทยจะเป็นอย่างไร ไม่พ้นการแทรกแซงจากองค์กรสากล และนำไปสู่การสิ้นชาติเหมือนหลายๆประเทศที่มีแต่ชื่อประเทศมีประชาชนแต่ไม่มีอธิปไตย

ก่อนหน้านี้ก็เคยปรากฏเป็นข่าวว่า รัฐบาลสั่งเตรียมเอฟ-16 ไปจอดที่อู่ตะเภาเพื่อบินขึ้นล็อกตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ขณะที่กำลังขึ้นเครื่องบินส่วนตัวจากกัมพูชาและผ่านน่านฟ้าไทย

ตลกยิ่งกว่าขายหัวเราะ

ความคิดเด็กๆเหล่านี้ไม่น่าจะใช่ยุทธศาสตร์ในการบริหารประเทศ ถ้าจะบริหารงานในฐานะพรรคฝ่ายค้าน หรือพรรคการเมืองธรรมดาพรรคหนึ่งที่ท้าตีท้าต่อยชาวบ้านไปวันๆก็ทำไปเถอะ

เอาใจแฟนละครน้ำเน่า

ชีวิตจริงไม่เหมือนละครทั้งหมด เพราะชีวิตจริงจะอยู่บนความโกหกไม่ได้ตลอดไป วันนี้ห่วงว่าสิ่งที่รัฐบาลดำเนินการอยู่ในขณะนี้จะเป็นกับดักซ้ำซ้อนในการถ่วงความเจริญของประเทศในอนาคต

ใครขึ้นมาเป็นรัฐบาลก็ต้องรับภาระต่อไปไม่มีวันสิ้นสุด แต่ที่จะต้องรับภาระทั้งปีทั้งชาติก็คือประชาชน  หนี้สินที่ก่อขึ้นมาเพื่อตำน้ำพริกละลายแม่น้ำก็หนักหนาสาหัสอยู่แล้ว

กับดักของความชอบธรรมและกฎหมายยังรออยู่ข้างหน้า กรณี พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี นำพยานคดียุบพรรคไทยรักไทยมายืนยันว่าเป็นการใส่ร้ายป้ายสีจากฝีมือของพรรคประชาธิปัตย์ก็น่าคิด การที่ดีเอสไอนำพยานบุคคลสำคัญมาสอบสวนและให้การมัดคดีเงินบริจาคเข้าพรรคประชาธิปัตย์ 258 ล้านบาทก็น่าสนใจ ทุกอย่างปรากฏพยานหลักฐานที่น่าเชื่อถือ และเป็นความผิดที่สามารถยุบพรรคประชาธิปัตย์ได้ทันที

เมื่อมีการร้องเรียนและปรากฏหลักฐานใหม่เกิดขึ้น ขบวนการตรวจสอบก็ต้องทำให้โปร่งใส เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและชอบธรรมขึ้นในสังคมไทย ไม่เช่นนั้นก็จะคาใจกันไม่รู้จบ

เพราะความไม่ชอบธรรม และไม่มีมาตรฐานของสังคม วิกฤติบ้านเมือง จึงยังล่อแหลมอยู่ต่อไป อนาคตอยู่บนเส้นด้าย ความยุติธรรมไม่มี สามัคคีไม่เกิดแน่นอน.


โดย หมัดเหล็ก ไทยรัฐออนไลน์ 20 พฤศจิกายน 2552, 05:00 น.

สุเทพ ปากแข็งยันไม่เสียหน้า กรณี 'ทักษิณ' ประสานขอตัววิศวกรกลับไทย

หลายวันก่อนผมได้ หัวร่องอหาย ขำกลิ้งตกเก้าอี้ไม่เป็นท่า ต่อท่าทีของรัฐบาลที่ แสดงออกผ่านหน้าสื่อว่า จะช่วยวิศวกรคนนี้อย่างเต็มที่ พร้อมแก้ตัวให้แทนสารพัด ว่าไม่ได้ทำผิดอะไร บ้างก็โยนความผิดไปให้มิสเตอร์ผิดตลอด อย่าง ดร.ทักษิณไปโน้น ไม่ต้องมีข่าววงใน ข้อมูลวงนอกใด ๆ ก็ทำให้ชาวบ้านชาวช่องเค้าคิด ว่ารัฐบาลเป็นคนสั่งให้ไปทำ หรือเปล่า ??? ถึงได้ดิ้นรน กุลีกุจอ หาวิธีช่วยอย่างเต็มที่

วันนี้ได้ขำอุจจาระแตก อุจจาระแตนอีกครั้ง เมื่อ นายสุเทพออกมาบอกว่า ไม่เสียหน้า ที่ดร.ทักษิณ ประสานงานช่วยเหลือวิศกรคนนี้ ความผิดทุกชนิดที่คุณคิดออก คุณโยนให้เค้า คำก็นักโทษหนีคดี สองคำก็จะจับกลับมาดำเนินคดี พอเค้าช่วยเหลือ คุณบอกไม่เสียหน้า ถ้าเป็นคนอื่นทำ ผมว่าเค้าหน้าด้านนะ ไร้ศักดิ์ศรี เอ.. หรือว่ามันหมดไปนานแล้วก็ไม่แน่ใจนัก ศักดิ์ศรีน่ะ

จาตุรนต์รุกกกต. ยุบปชป. ทวงคืนยุติธรรม

อดีต รักษาการหัวหน้า ทรท. จี้ กกต.สอบเอาผิดยุบปชป. ใช้พยานเท็จใส่ร้ายยุบ ทรท.  เตรียมนัดสมาชิกบ้านเลขที่ 111 หารือทวงสิทธิ หลังพยานแฉความจริง  ขณะที่ ทีมกม.คดียุบพรรคชี้ปชป.เข้าข่ายถูกยุบพรรคชัดแจ้ง

เมื่อวันที่ 17 พ.ย. นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีต รักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย สมาชิกบ้านเลขที่ 111 กล่าวกรณี พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี สมาชิกพรรคเพื่อไทย ออกมาเรียกร้องให้อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยออกมาทวงสิทธิของตัวเอง หลังจากพยานในคดียุบพรรคออกมาเปิดโปงข้อเท็จจริง ว่า เราทราบมาตั้งแต่การพิจารณาคดียุบพรรคไทยรักไทยแล้วว่าพยานถูกบีบคั้น เกลี้ยกล่อม จนกล่าวให้โทษพรรคไทยรักไทย และขณะนั้นกระบวนการพิจารณาไม่ค่อยให้โอกาสฝ่ายที่ได้รับโทษ ตุลาการรัฐธรรมนูญก็มีธงชัดเจนจากคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.)  ผลที่ออกมาจึงมีมติเอกฉันท์ให้ยุบพรรคไทยรักไทย จากที่ได้รับฟังพยานทั้ง 2 คน ล่าสุด เห็นว่าน่าจะพูดความจริง ดังนั้นนอกจากพรรคไทยรักไทยจะไม่ผิดแล้ว พรรคประชาธิปัตย์จะต้องถูกยุบด้วย

นายจาตุรนต์ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม  ไม่แน่ใจว่ากระบวนการที่มีอยู่ในปัจจุบันจะทำได้มากน้อยเพียงใด ยอมรับว่าการกลับไปแก้ไขคำพิพากษาของพรรคไทยรักไทยค่อนข้างยาก แต่ถ้าพุ่งเป้าเอาผิดพรรคประชาธิปัตย์ยังเป็นไปได้มากกว่า เพราะพบหลักฐานใหม่แม้จะเกิดขึ้นนานแล้ว หาก คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) สนใจเอาเรื่องอย่างจริงจัง ก็จะทำให้พรรคประชาธิปัตย์ตกที่นั่งลำบาก แต่จะหวังให้กกต.มาเอาเรื่องก็ไม่ง่ายเหมือนกันเนื่องจากมี ที่มาจากคมช. ก็ได้แต่หวังว่ากกต.จะเห็นแก่บ้านเมืองควรที่จะรับข้อมูลไปสอบสวนเพิ่มเติม

สมาชิกบ้านเลขที่ 111 กล่าวด้วยว่า  กรณีที่เกิดขึ้นสมาชิกบ้านเลขที่ 111 บางส่วนต้องมาคุยกันเพิ่มเติม ที่ผ่านมา ไม่ได้เน้นเรื่องการเรียกร้องสิทธิกลับคืน แต่เมื่อมีข้อเท็จจริงเช่นนี้เกิดขึ้น ก็น่าจะมาคุยกันว่าควรทำอะไรได้บ้าง เพื่อให้ความยุติธรรมกลับคืนมา  อย่างไรก็ตามการกระทำใดๆไม่อยากให้กระทบกระเทือนต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือการนำระบอบประชาธิปไตยกับคืนมา ส่วนตัวคิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นความไม่ยุติธรรม การใช้พยานเท็จตัดสินยุบพรรคไทยรักไทย ตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรค การใช้กฎหมายเผด็จการย้อนหลัง เหล่านี้เป็นสิ่งที่ทำให้ระบบยุติธรรมไทยไม่น่าเชื่อถือ และจะประจานความไม่ยุติธรรมเรื่อยไป ทางออกคือต้องมาสังคายนากันใหม่ แก้รัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง นำระบบที่ยุติธรรมกลับคืนมา

ด้าน นายวิชิต ปลั่งศรีสกุล อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย และทีมกฎหมายต่อสู้คดียุบพรรคไทยรักไทย กล่าวว่า  ประเด็นพยาน 2 คน ที่ออกมาแถลงข่าวเปิดเผยข้อเท็จจริงมีอยู่ในสำนวนอยู่แล้ว เพียงแต่ขณะนั้นทั้ง 2 คนยังไม่เปิดเผยความจริง เมื่อวันนี้ออกมายอมรับก็สอดรับสนับสนุนกับพยานอีก 3 ปากในคดีดังกล่าว ที่เชื่อมโยงไปถึงพรรคประชาธิปัตย์ ดังนั้นพรรคประชาธิปัตย์ก็สมควรถูกยุบพรรค เพราะพยานปากสำคัญที่ตุลาการรัฐธรรมนูญให้น้ำหนักในคดียุบพรรคไทยรักไทยทั้ง 2 คน วันนี้มาพูดชัดเจนว่าใครเป็นตัวการที่แท้จริง การกระทำของพรรคประชาธิปัตย์ถือเป็นการจงใจใส่ร้าย ป้ายสี ผิดกฎหมายเลือกตั้งส.ส. ส.ว.อย่างชัดแจ้ง เข้าข่ายถูกยุบพรรค กกต.สามารถดำเนินการได้เลยทันที ส่วนสมาชิกบ้านเลขที่ 111 จะเรียกร้องอย่างไรต่อไป ถือเป็นสิทธิของแต่ละคน แต่ตนคงไม่ดำเนินการอื่นใด เพราะไม่ยอมรับคำวินิจฉัยของตุลาการรัฐธรรมนูญตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว เนื่องจากใช้กฎหมายย้อนหลัง ตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรคโดยขัดหลักกฎหมายสากล เรื่องนี้ประชาชนตัดสินได้


โดย ทีมข่าวการเมือง ไทยรัฐออนไลน์
17 พฤศจิกายน 2552, 22:01 น.

รวมวาทะเด็ด จากสมเด็จฯฮุนเซน

กลายเป็นมวยถูกคู่ไปได้อย่างไม่น่าเชื่อ ระหว่างเด็กดื้อ ศิษย์หลายเสา กับฮุนเซน พระวิหารยิม เมื่อฝ่ายแรกเปิดฉากรัวหมัดใส่อย่างไม่ยั้ง ราวกับว่าโกรธแค้นกันมาแต่ชาติปางไหน

แต่พอฝ่ายหลังตั้งหลักได้ เท่านั้นแหละมาร์คเอ๊ย เรียกว่าเห็นดาว เห็นเดือน เห็นตะวันกันเลยทีเดียว ไม่เชื่อก็ตามมาดูบทสัมภาษณ์ เฉพาะเนื้อๆเน้นๆ ที่คัดจากมติชนออนไลน์ เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน ก็แล้วกัน

"ผมขอประกาศชัดๆ ให้คนไทยรู้ว่าเรื่องนี้รัฐบาลไทยมาหาเรื่องกัมพูชา"

"เรื่องที่เกิดขึ้นในความสัมพันธ์ระหว่างไทย-กัมพูชานี้ เป็นปัญหาระหว่างผมกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีไทยในปัจจุบันโดยแท้ ..ก่อนที่จะพูดขอให้ศึกษาหาความรู้ให้มากกว่านี้เพราะตอนที่ผมเริ่มทำงานการเมืองนั้นนายกรัฐมนตรีไทยยังเป็นเพียงเด็กวิ่งเล่นอยู่เลย"

"อยากปิดก็ขอให้ปิดไปเลย..เพราะกัมพูชาก็จะปิดเช่นกันและปิดทางด้านเศรษฐกิจด้วย ..สั่งห้ามสินค้าไทยทั้งหมดข้ามแดนเข้ามายังตลาดกัมพูชา แม้แต่หมูเพียงตัวเดียว จะไม่ให้ข้ามเข้ามา"

"เรื่องการแต่งตั้งอดีตนายกรัฐมนตรีไทยมาเป็นที่ปรึกษานั้น ผมขอประกาศชัดๆ ให้คนไทยรู้ว่าเรื่องนี้รัฐบาลนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ มาหาเรื่องกัมพูชา .. ผมจะบอกให้ว่า จริงๆแล้วปฏิกิริยาของคนไทยที่แท้จริงเป็นอย่างไร คือพวกเสื้อแดงสนับสนุนการแต่งตั้ง พวกเสื้อเหลืองโกรธและประท้วงคัดค้าน และยังมีกลุ่มที่สบายใจโดยอยู่เฉยๆ เงียบๆ อีกด้วยต่างหาก"

"หากทักษิณมาพำนักอยู่ในกัมพูชา นายกรัฐมนตรีไทยจะกลัวอะไรกันนักกันหนา ทักษิณไปมาแล้วทั่วโลกไม่เห็นทำอะไร ไปศรีลังกา ล่าสุด ก็ยังไม่เห็นได้ทำอะไรเลย แต่พอบอกว่าจะมากัมพูชาก็หาเรื่องกัมพูชา"

"อยากรู้นักว่าใครเป็นเบี้ยของใครกันแน่ อภิสิทธิ์ตกเป็นเครื่องมือของทักษิณเอง เพราะเมื่อทักษิณเปิดตัวเข้ามา อภิสิทธิ์ก็กระโดดออกมาตอบโต้โดยไม่คิดอะไรเลยและไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของ ชาติเลย"

"สมัยนครวัดนั้นประเทศไทยอยู่ที่ไหนกัน อ้างว่ากัมพูชามายึดครองบุกรุกดินแดนไทยนั้น กัมพูชาจะไปยึดดินแดนไทยได้อย่างไร ศึกษาประวัติศาสตร์เสียให้ดีว่า ใครรุกรานใครกันแน่"

"ผมจึงถือโอกาสนี้ร้องขอให้พี่น้องเสื้อแดงและ พรรคเพื่อไทยเสียสละอนุญาตให้ผมนำท่านทักษิณ มาช่วยกัมพูชาในเรื่องเศรษฐกิจบ้างด้วยแล้วกัน"

"ในเมื่อเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับทักษิณก็ต้องไล่แก้ตั้งแต่ทักษิณมาเลย ตั้งแต่เรื่องการปฏิวัติ เมื่อ 19 กันยายน 2549"

"ถ้าอภิสิทธิ์เก่งจริงก็ขอให้เลือกตั้งใหม่สิ ท่านกลัวอะไรหรือ หรือว่ากลัวที่จะไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีหรืออย่างไร หรือว่ากลัวว่าพรรคเพื่อไทยจะชนะการเลือกตั้ง"

"ผมเองเป็นนายกรัฐมนตรีกัมพูชาได้รับเสียงสนับสนุนถึง 2/3 ของสภากัมพูชา แล้ว ท่านอภิสิทธิ์ได้รับเท่าไหร่กันหรือ ขโมยเก้าอี้เขามานั่ง ขโมยของของคนอื่น มาเป็นของตัวเองจะให้เคารพได้อย่างไร"

"อภิสิทธิ์มีปัญหาท่วมตัวอยู่แล้ว อาจตายได้..ทักษิณเป็นเพื่อนของผม เพื่อนไม่สามารถหักหลังเพื่อนได้ ไม่สามารถโยนเพื่อนให้เสือกินได้หรอก"

"อยากฉีกอะไรทิ้งก็ฉีกไปเลย อยากปิดอะไรก็ปิดไปเถิด เพราะถ้าเปิดคงจะไม่สะดวกแล้ว เห็นทีต้องถอนกำลังทหาร 911 (หน่วยรบพิเศษ) ของกัมพูชาออกภายในหนึ่งสัปดาห์ดีกว่า เพราะว่าใช้กำลังเพียงนิดๆ หน่อยก็พอ (ที่จะสู้กับไทย) แล้ว"

"รองนายกรัฐมนตรีสุเทพของไทยได้ขอ ว่า ให้ช่วยจับทักษิณส่งตัวไปประเทศไทยได้หรือไม่ เรื่องนี้ผมทำไม่ได้หรอก ถ้าผมทำเช่นนั้นก็ถือเป็น กบฏต่อมิตร"

"ขอร้องให้พี่น้อง ประชาชน-ตำรวจ-ทหารไทย ทราบว่าคนที่คุณๆ ทั้งหลายต่อว่าอยู่นั้นเป็นผู้ที่ชนะการเลือกตั้งมาแล้วทั้งนั้น ผมเคารพอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ผมจึงช่วยเขา มีแต่อภิสิทธิ์เท่านั้นที่จงเกลียดจงชังคนเหล่านั้น"

"ไทยก็ยังสนับสนุนให้เขมรแดงทำการสู้รบกับรัฐบาลที่ถูกกฎหมาย แล้วให้พวกเขมรแดงไปอยู่ประเทศไทย ไทยให้อยู่ในดินแดนไทยได้อย่างไร เรายังไม่ทำเช่นนั้นเลย ถ้าทักษิณตั้งกองกำลังอยู่ในดินแดนกัมพูชาจะว่าอย่างไรบ้างล่ะ ..ลงนามไม่สนับสนุนเขมรแดง ลงนามสันติภาพ แต่ก็ยังละเมิดหลายอย่าง ขอให้คนไทยดูไว้กฎหมายระหว่างประเทศยังไม่เคารพเลย จะให้เราเคารพกฎหมายไทยได้อย่างไร"


จากคุณ tnmcfc พันธ์ทิพย์ ราชดำเนิน

ไม่ยอมรับความจริง

การหยิบยกข้อมูลมาวิพากษ์วิจารณ์และพาดพิงถึงผู้อื่นหรือผลประโยชน์ของประเทศ ทำให้เกิดความเสียหายนั้น ในสังคมที่ไม่ค่อยพัฒนา จะไม่คำนึงถึงเรื่องเหล่านี้เท่าไหร่นัก ข้อเท็จจริงจะผิดจะถูกไม่เป็นไร ทำให้สังคมเห็นดีเห็นงามด้วยเป็นพอ

เป็นสังคมแห่งการสร้างภาพ

พูดกันอย่างตรงไปตรงมา นโยบายไทยเข้มแข็ง โครงการเศรษฐกิจชุมชนพอเพียง  ฉาวโฉ่จนเข้าขั้นโคม่าขนาดนี้ ปรากฏความผิดชัดเจน  อะไรไม่ว่าโครงการที่ทุจริตก็เป็นโครงการที่ต้องไปกู้เงินมาทำโครงการถึง 8 แสนล้าน

รัฐบาลก็ยังลอยนวล

นักประท้วงที่บอกว่าจะออกมา ต่อต้านการทุจริตคอรัปชัน ก็แกล้งทำเป็นไม่เห็นเอาดื้อๆ เลยเสื่อมความนิยมไปทันตาเห็น สมมุติถ้าเกิดขึ้นในรัฐบาลชุดที่แล้วๆมา พัวพันถึงบุคคลสำคัญในรัฐบาล

น่าจะรอดยาก

สังคมไทยก็แปลก เหมือนสังคมตาบอดสี การบิดเบือนข้อมูลสารพัดวิชามาร หรือการปั้นน้ำเป็นตัว ดีใส่ตัวชั่วใส่คนอื่น ตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จ มักจะเกิดขึ้นในรัฐบาลใดต้องไปค้นข่าวเก่าๆดู

ประเทศไทยหลังชนฝาจนขนาดนี้ ก็ยังดำดินไปโทษคนโน้นคนนี้ได้ลงคอ เหตุที่ผู้นำเขมรไม่พอใจรัฐบาลชุดนี้ ขอย้ำว่าเฉพาะรัฐบาลชุดนี้ เพราะอะไรเพราะใคร ไม่จำเป็นต้องอธิบายให้เมื่อยตุ้ม

กรณีอ้างว่าทั้ง ทักษิณ-ฮุน เซน-บิ๊กจิ๋ว ได้ผลประโยชน์ร่วมกันในการหาเรื่องไทยครั้งนี้  เพราะเรื่องทำนองนี้เกิดขึ้นหลังบิ๊กจิ๋ว ไปเยือนกัมพูชา

กำปั้นทุบดิน

โน่นอ้างไปถึงการทำธุรกิจร่วมกัน อาศัยการบิดเบือนข้อมูล บริษัทชินคอร์ปและครอบครัวชินวัตร ขายหุ้นมูลค่า 7 หมื่น 3 พันล้าน ให้กับกองทุนเทมาเส็กเมื่อวันที่ 23 ม.ค. 2549 เป็นการขายหุ้นหลังจาก พ.ต.ท.ทักษิณแก้ไข พ.ร.บ.ประกอบกิจการโทรคมนาคม ให้บริษัทคนต่างด้าวถือหุ้นในบริษัทกิจการโทรคมนาคมจาก

ร้อยละ 25 เป็นร้อยละ 49

ดูเหมือนจะเข้าเค้า แต่ถ้าพิจารณาให้ดีชินคอร์ปไม่ได้เป็นผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคมตาม พ.ร.บ.ดังกล่าว และไม่ได้เป็นเจ้าของสัมปทานดาวเทียม การถือหุ้นของชินคอร์ปมีสัดส่วน 49.99 มาตั้งแต่ปี 2542 แต่การแก้ไขกฎหมายมาทำในปี 2543 ถ้าจำไม่ผิดเป็นสมัยรัฐบาลนายกฯชวนด้วยซ้ำ

ในปี 2546 บริษัทกิจการโทรคมนาคม ทีทีแอนด์ที ดีแทค และทรู ได้ผลักดันให้กระทรวงคมนาคมแก้ไขสัดส่วนต่างๆ สมัยนั้นยังไม่แยกไปเป็นกระทรวงไอซีที ฟังดูแล้วเหมือนจะเป็นเรื่องเดียวกัน แต่ถ้าเจาะลึกลงไปก็จะเห็นการบิดข้อมูลเอามาเป็นประโยชน์ ประชาชนก็เลยได้ข้อมูลข่าวสารที่ผิดๆไป

มองเห็นกงจักรเป็นดอกบัว.


โดย หมัดเหล็ก คอลัมน์คาบลูกคาบดอก
ไทยรัฐออนไลน์ 17 พฤศจิกายน 2552, 05:00 น.

คลิป เปิดตัวพยาน 2 ปากเอก ให้การเท็จยุบ ไทยรักไทย



แฉ“สุเทพ”ปั้นพยานเท็จทำลาย ทรท.


วันนี้(16พ.ย.)ที่โรงแรมเรดิสัน ถนนพระราม9 พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี นายทหารนอกราชการ นำนายสุขสรรค์ ชัยเทพ  และนายเชาวการ โตสวัสดิ์ พยานในคดียุบพรรคไทยรักไทย เปิดแถลงข่าวแฉ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง กรณีจ้างวานเป็นเงิน 15 ล้านบาท เพื่อให้เป็นพยานและให้การเท็จต่อ กกต. อัยการสูงสุด และศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวหาพรรคไทยรักไทยจนถูกคำสั่งยุบพรรค โดยทั้งสองระบุว่า ถูกนายสุเทพ จ้างวานแกมบังคับอ้างว่าให้ทำเพื่อชาติแล้วจะดูแลความปลอดภัยและไม่ให้ถูกดำเนินคดี
ด้าน พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า หลังจากนี้จะพาบุคคลทั้งสองเข้าพบหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับผู้ได้รับผลกระทบในคดีดังกล่าวต่อไป

ที่มา เดลินิวส์
วันจันทร์ ที่ 16 พฤศจิกายน 2552 เวลา 13:48 น

ผลงานลับลวงพราง

แปลกใจว่า แทนที่จะขับไล่ทักษิณออกจากประเทศไทยไปแล้ว ประเทศไทย จะดีขึ้น กลับแย่ลงทั้งเศรษฐกิจ การเมืองและสังคม มีความแตกต่างที่เห็นชัด เพราะฉะนั้นยิ่งจะดิ้นล้มคนคนเดียว มากขึ้นเท่าไร ก็ยิ่งจะทำให้ประเทศไทยเข้าใกล้คำว่าหายนะเข้าไปทุกที

การวิพากษ์วิจารณ์อะไรตรงไปตรงมา แม้จะมีเหตุผลมีการพิสูจน์ได้ด้วยข้อเท็จจริง แต่กลับถูกมองว่าเป็นข้างโน้นข้างนี้ จะต้องเข้าข้างใดข้างหนึ่ง จะต้องประจบสอพลอ ถึงจะเป็นคนดี ถ้าเข้าข้างนั้นก็จะเป็นถูก ถ้าเข้าข้างนี้เป็นคนเลว

ปัญหาเลยเกินเยียวยา

ความนิยมในตัวผู้นำประเทศไหนก็มีกันทั้งนั้น แต่ไม่ใช่ ผูกขาด ทำดีคะแนนนิยมก็ขึ้น ดำเนินนโยบายผิดพลาดคะแนนก็ตก  เช่นเดียวกัน  ความรักชาติก็ไม่ใช่ว่า  จะต้องใส่เสื้อสีนี้จึงจะรักชาติ ใส่เสื้อสีนั้นจะต้องไม่รักชาติ ถ้าคนกลุ่มนี้ถึงจะรักชาติ คนกลุ่มโน้นไม่รักชาติ

พยายามจะผูกขาดความรักชาติเอาไว้คนเดียว

ถ้าติดตามข้อเขียนผมมาโดยตลอดจะเข้าใจสิ่งเหล่านี้ ผมเคยดักคอว่า ระวังระบบการเมืองจะพัง ระวังกลไกประเทศจะเดินไม่ได้ ระวังจะตกเป็นเหยื่อ ซึ่งจะมีแต่การต่อรองเรื่องของผลประโยชน์ การเมืองจะอ่อนแอ ยึดประโยชน์ส่วนตัวมากกว่าประโยชน์ประชาชน

วันนี้สถานการณ์กำลังเป็นอย่างนั้นจริงๆ สภาล่มแล้วล่มอีก ส.ส.-ส.ว.แบ่งข้างอยู่กันอย่างศัตรูคู่อาฆาต ไม่ใช่ตัวแทนประชาชนอีกต่อไป แต่เป็นตัวแทนขั้วอำนาจ เพราะฉะนั้น บรรยากาศการประชุมในสภา  จึงไม่ใช่การทำหน้าที่ของตัวแทนประชาชน  ต่อไปนี้จะมีการถ่ายทอดสดการประชุมสภาก็ควรจะมีการจัดเรตติ้ง มีคำเตือนสำหรับเด็กและเยาวชน ไม่ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง

ประเทศไทยจะอยู่กันอย่างไร

ไปกันน้ำขุ่นๆเหมือนใกล้จะเสียกรุง มีอะไรก็รีบฉกฉวยเอาเป็นของตัวเอง ในยามที่เกิดวิกฤติสองเด้งสามเด้งอย่างนี้ ยังมีการเสนอขึ้นเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งของ ส.ส.และ ส.ว.กันหน้าตาเฉย

พฤติกรรมปัจจุบันควรจะขอขึ้นเงินเดือนตัวเองหรือไม่ อย่างไร ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณ จะผลาญงบประมาณกันอย่างไร จะกู้ยืมเงินมาอย่างไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ และกลับทำให้เครดิตประเทศลดลง ก็ว่ากันตามสะดวก

แต่ระบอบการปกครองประเทศที่ล้มเหลว เป็นแก่นแท้ของปัญหา ไม่มีใครฟังใคร ไม่มีกรรมการ ไม่มีผู้ใหญ่ ไม่มีเด็ก มือใครยาวสาวได้สาวเอา ผมเคยพูดไว้นานแล้วว่า จะสิ้นชาติ และวันนี้กำลังเดินไปสู่หนทางนั้น จะร้องเพลงชาติไทยยังคนละคีย์ ศัตรูประชิดทุกด้าน

ระวังจะสิ้นชาติจริงๆ.


โดย หมัดเหล็ก คอลัมน์คาบลูกคาบดอก
ไทยรัฐออนไลน์ 16 พฤศจิกายน 2552

บันทึกเทป ดร.ทักษิณ บรรยายที่กัมพูชา 12 พ.ย. 2552

เทปบันทึกภาพพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในฐานะที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจ รัฐบาลกัมพูชา
บรรยายหัวข้อ "กัมพูชาและโลกหลังภาวะวิกฤตเศรษฐกิจ"
เมื่อวันที่ 12 พ.ย.ที่ผ่านมา ที่กระทรวงการคลัง กัมพูชา

ตอนที่ 1



ตอนที่ 2

เพื่อนร่วมร้อง พี่น้องร่วมรบ "โบนันซ่า เขาใหญ่"



มองมุมกลับ

การชุมนุมของพันธมิตรฯในวันพรุ่งนี้  มีสองนัยสำคัญ  ประท้วงกัมพูชา แสดงความรักชาติ และต่อต้านทักษิณ ก็เผอิญสอดคล้อง เป็นแนวทางเดียวกับรัฐบาล ที่มีจุดยืนเรื่องนี้ร่วมกันมาตั้งนานแล้ว ใครว่าพรรคการเมืองใหม่กับพรรคประชาธิปัตย์ขัดคอกัน น่าจะเป็นภาพลวงตามากกว่า

ก็เลยมีการจับตาว่ารัฐบาลจะกระเหี้ยนกระหือรือรับมือคนเสื้อเหลืองอย่างไร รัฐบาลตำรวจก็เนือยๆ รอให้มีเหตุการณ์ร้ายแรงก่อนค่อยประกาศกฎหมายฉุกเฉิน ต่างจากตอนเสื้อแดงชุมนุมเป็นหน้ามือกับหลังมือ

ตรงนี้กระมังที่ทำให้เกิดความข้องใจว่ารัฐบาลนี้เป็นนิติรัฐหรือไม่ มีมาตรฐานในการบังคับใช้กฎหมายอย่างไร เห็นความแตกต่างที่ชัดเจนขึ้นทุกวัน ก็อย่างที่บอก ลองไปอ่านบทสัมภาษณ์ของฮุน เซนดู ยิ่งกว่าฝ่ายค้านอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯและรัฐบาลซะอีก รู้ลึกรู้จริงรู้ว่าคนไทยใส่เสื้อกี่สี รู้ถึงที่มาที่ไปของรัฐบาลชุดนี้ด้วยซ้ำ

เพราะฉะนั้น การแสดงออกของนายกฯกัมพูชาจึงค่อนข้างที่จะเสียดสี นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และรัฐบาลชุดนี้โดยเฉพาะ ไม่แตะต้องคนไทย ไม่แตะต้องสถาบัน อะไรที่ไม่โปร่งใสก็ไม่โปร่งใส วันยังค่ำ นักโทษการเมืองที่หนีคดีไปอยู่กัมพูชาก็หลายคน รัฐบาลไม่เคยแม้แต่จะคิดที่จะขอตัวคนเหล่านี้มาลงโทษ แต่ถ้าเป็นทักษิณ ต้องทุบ เลยเป็นที่คาใจ

ปิดสนามบิน ยึดทำเนียบไม่มีประเทศไหนในโลกเขาทำกัน มีแต่บ้านเรา ที่สำคัญก็คือ ทำแล้วยังลอยนวลอยู่ได้ ลอยนวลก็ไม่เท่าไหร่ ยังได้รับการสมนาบุญคุณอีกเพียบ ยังได้ปูนบำเหน็จเป็นรัฐมนตรี สุดจะบรรยาย

หลายประเทศจับตาอยู่กับการเมืองในบ้านเรา เพียงแต่ไม่ แสดงออก เนื่องจากรักษามรรยาทสากลเอาไว้ ที่เขาสงสัยก็คือ เราปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยจริงหรือ ผู้นำต่างประเทศที่ไม่ได้เข้าร่วมพิธีเปิดการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่ผ่านมา รัฐบาลน่าจะรู้ อยู่เต็มอกว่าเป็นเพราะอะไร ไม่อยากเอามะพร้าวห้าวมาขายสวน เพียงเขาต้องการรักษาหน้าประเทศเจ้าภาพ และไม่อยากให้มองว่ากลุ่มประเทศอาเซียนแตกแยก

การตัดสินใจบางอย่างของรัฐบาลดูจะเด็กเกินไป ใช้อารมณ์ เกินไป   อ่านบทสัมภาษณ์  คุณสุรเกียรติ์  เสถียรไทย  อดีต  รมว.ต่างประเทศ แล้วจะเห็นว่ามุมมองระหว่างมืออาชีพกับมือใหม่ต่างกันอย่างไร การทบทวน MOU ไม่ใช่เรื่องเล็ก เพราะหมายถึงผลประโยชน์ของประชาชนทั้งประเทศ มีมาตรการอื่นตั้งเยอะ

แค่พื้นที่ทับซ้อนตามไหล่ทวีป แบ่งเป็น 3 โซน ฝั่งไทยตรงกลาง และฝั่งกัมพูชา ฝั่งไทยมีน้ำมันน้อยที่สุด ตรงกลางมีน้ำมันพอสมควร ฝั่งกัมพูชามีน้ำมันมากที่สุด โดยรวมก็คือ ฝั่งเราประเทศเราได้ร้อยละ 60 ตรงกลางคนละครึ่ง ฝั่งกัมพูชา ประเทศกัมพูชาได้ร้อยละ 60 เราได้ 40

ถ้ายกเลิกกัมพูชาก็คงไม่เดือดร้อน คนที่เดือดร้อนน่าจะเป็นเราต่างหาก เกมการเมืองที่เล่นกันเกินจริง เอะอะก็รักชาติ ยังมามั่วดึงสถาบัน ดึงประเทศ ดึงประชาชนไปร่วมขบวนการรักชาติอยู่คนเดียวด้วย.


โดย หมัดเหล็ก คอลัมน์ คาบลูกคาบดอก 
ไทยรัฐออนไลน์ 14 พฤศจิกายน 2552, 05:00 น.

หมีหน้าฮ๊าก

หมีหน้าฮ๊าก (Hme na hag) บทเพลงจาก nakaramusic

เด็ก กับ ผู้ใหญ่

ระหว่าง...อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กับ สมเด็จฯ ฮุน เซนนั้น...ถึงจะเป็นนายกรัฐมนตรีเหมือนกัน แต่มีความแตกต่างกันมากมาย13 ขวบจับอาวุธเป็นทหาร..อยู่ในสงครามอย่างยาวนาน..ได้รับเหรียญกล้าหาญ..และผ่านการบาดเจ็บล้มตายจนได้มาเป็นนายกรัฐมนตรี..ยั่งยืนยาวนานหลายสิบปี...นั่นคือ นายกรัฐมนตรี ฮุน เซนอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ...เป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกของพรรคประชาธิปัตย์..ที่เกิดจากการผสมเทียมจากห้องคลอดในเขตที่แขวนป้ายว่า.....“เขตทหารห้ามเข้า”ทำให้เขา อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ...ถูกเยาะเย้ยถากถาง...อย่างน้อยจากคน 2 ชาติ...พร้อมๆ กัน..

ริชาร์ด ลอยด์ เพอรี่จาก ไทม์ ออนไลน์.. กล่าวว่า...
สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยเวลานี้ ถือเป็นสัญญาณอันตรายต่อความเป็นประชาธิปไตยในสังคมไทยและถือเป็นความเจ็บปวดมากยิ่งขึ้น เมื่อความจริงอันน่ารังเกียจเหล่านี้มาเกิดขึ้นภายใต้การนำของ นายอภิสิทธิ์ชายผู้ซึ่งได้ชื่อว่า มีความชาญฉลาดมีความสามารถและมีคุณสมบัติที่ดีครบถ้วนทุกประการ ยกเว้นเพียงอย่างเดียว คือ ความถูกต้องชอบธรรมตามหลักประชาธิปไตย

สมเด็จฯ ฮุน เซน..ก็ใช่ย่อย...
อภิสิทธิ์ เตือนผมว่าอย่าเป็นเบี้ยในหมากเกมของทักษิณนั้น เราไม่ได้เป็นเครื่องมือของใคร อยากรู้นักใครเป็นเบี้ยของใครกันแน่ อภิสิทธิ์ตกเป็นเครื่องมือของทักษิณเอง เพราะเมื่อทักษิณเปิดตัวเข้ามา อภิสิทธิ์ก็ออกมาตอบโต้โดยไม่คิดอะไรเลย ไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของชาติเลย แถลงมาจากโตเกียวเรื่องการยกเลิกเอ็มโอยู

อีกประโยค....
ถ้าอภิสิทธิ์เก่งจริงก็ขอให้เลือกตั้งใหม่ซิ ท่านกลัวอะไรหรือหรือว่ากลัวที่จะไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีหรืออย่างไร หรือว่ากลัวว่าพรรคเพื่อไทยจะชนะการเลือกตั้ง
ผมเป็นนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้รับเสียงสนับสนุนถึง 2 ใน3 ของสภากัมพูชา แล้วท่านอภิสิทธิ์ ได้รับเท่าไหร่กันหรือขโมยเก้าอี้เขามานั่ง ขโมยของคนอื่นมาเป็นของตัวเอง จะให้เคารพได้อย่างไร

ว่ากันว่า...ความจริงนั้นน่ากลัวอย่างยิ่ง...ความจริงเป็นสุดยอดแห่งการทำลายล้าง....คงยากมากลำบากมากที่..อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ...จะโต้กลับหรือปฏิเสธ..ในถ้อยคำที่เยาะเย้ยถากถาง..
จะมีก็แต่ทารกเท่านั้น..ที่ไร้เดียงสาต่อคำเย้ยหยัน...เช่นนี้


โดย พญาไม้ บางกอกทูเดย์ 13 พฤศจิกายน 2552 18:32น.

สมเด็จฮุนเซนเปิดบ้านต้อนรับ พ.ต.ท.ทักษิณ

สมเด็จฮุน เซนยืนยันไม่ส่งตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ให้ทางการไทย

กรณีศึกษาผลกระทบลับลวงพราง

ท่าทีที่ชัดเจนของประเทศกัมพูชา ของ สมเด็จฮุน เซน นายกฯกัมพูชา ต่อกรณีอาการยินดีต้อนรับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่รัฐบาลไทยให้สถานะว่าเป็นนักโทษหนีคดี อย่างเป็นทางการและเปิดเผยไม่จำเป็นต้องไปอธิบายความอะไรไปมากกว่านี้

ชัดเจน

รัฐบาลไทยจะทำอย่างไร นี่คือโจทย์ที่ยากกว่า แล้วระหว่างความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศกับภารกิจไล่ล่าของรัฐบาลชุดนี้กับการเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่จ่อคอหอยรัฐบาลเข้าไปทุกขณะ

จะหาทางลงอย่างไร

ความละเอียดอ่อนของปัญหาไม่ธรรมดา เช่นเดียวกับปัญหาใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ระหว่างความเปลี่ยนแปลงรูปแบบการปกครองที่จะเกิดขึ้นบนสถานะของความเป็นจริงและนำไปสู่การเจรจาอย่างสันติ กับการที่คนไทยต้องมาฆ่ากันเองรายวันกับอธิปไตยของประเทศ รัฐบาลจะเลือกเอาทางไหน

จะตัดสินใจแก้ปัญหาหรือปล่อยคาราคาซัง

ถ้าผู้นำหนีปัญหาก็ไม่ใช่ผู้นำที่ดี   ถ้าผู้นำรับรู้ปัญหาแล้วไม่กล้าแก้ไขก็ยิ่งจะทำร้ายประเทศ จริงเท็จประการใดไม่ทราบ วันที่นายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เดินทางไปเยือนประเทศมาเลเซียอย่างเป็นทางการ ได้หยิบยกปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มาเจรจา นายกฯ นาจิบ ราซัค ของมาเลเซียได้เชิญหัวหน้ากลุ่มก่อการร้ายมาพบนายกฯอภิสิทธิ์โดยตรง มีการพูดถึงเงื่อนไขบางอย่างที่นายกฯอภิสิทธิ์ก็ตอบไม่ได้ จึงยังไม่มีคำตอบมาจนถึงวันนี้ และมีความเห็นบางอย่างจากนายกฯมาเลเซียถึงคำแนะนำในการแก้ปัญหาภาคใต้ที่ทางมาเลเซียก็ไม่ค่อยสบายใจคำแนะนำนั้นแนวทางคล้ายๆกับที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ นำเสนอซะด้วย

ข้อนี้นายกฯน่าจะตอบได้ดีที่สุด

พลาดหรือไม่ที่ประชาธิปัตย์เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล พลาดหรือไม่ที่เอาคุณอภิสิทธิ์ เป็นนายกฯ  พลาดหรือไม่ที่เอาคุณกษิต ภิรมย์ เป็น รมว.ต่างประเทศ พลาดหรือไม่ที่เอาคุณกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ  เป็นรองนายกฯคุมเศรษฐกิจ  และพลาดหรือไม่ที่เอาคุณสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นรองนายกฯฝ่ายความมั่นคง

เจ้าของแผนบันไดสี่ขั้นต้องคิดหนัก

ระหว่างหวยบนดินกับ เจ้ามือหวยใต้ดิน ระหว่าง การแก้ รัฐธรรมนูญกับ อำนาจในกองทัพ ระหว่างการดำเนินคดีกับกลุ่มพันธมิตรฯ และ บุญคุณที่ต้องตอบแทน ระบบรัฐสภาล่มแล้วล่มอีก รัฐบาลทำงานไม่เต็มก้น เป็นเพราะกับดักที่วางเอาไว้ทั้งนั้น

คือเงื่อนไขที่เป็นเงื่อนปมมัดคอตัวเอง

ประเทศไทยเริ่มจะถอยหลังลงคลองเพราะบ้านเมืองไม่มีกฎเกณฑ์กติกาและกฎหมายที่เป็นมาตรฐาน  อำนาจประชาธิปไตยอ่อนแอตกอยู่ภายใต้เผด็จการซ่อนรูป ถ้าวันนี้ยังไม่รู้จักเริ่มต้น

ประเทศไทยย่อมตกอยู่ในวงจรอุบาทว์ชั่วนิรันดร์.


โดย หมัดเหล็ก คอลัมน์คาบลูกคาบดอก
ไทยรัฐออนไลน์ 7 พฤศจิกายน 2552, 05:00 น.

เมื่อทั้งไทยและกัมพูชา ต่างเรียกทูตกลับ

หลังจากที่ทางกัมพูชาออกมาแถลงข่าว เมื่อวันที่ 4 พ.ย. ในกรณีที่ทางรัฐบาล แต่งตั้งให้ ดร.ทักษิณ ชินวัตร เป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลกัมพูชา และที่ปรึกษาส่วนตัวของสมเด็จ ฮุน เซ็น นายกรัฐมนตรีของกัมพูชา

ข่าวนี้เล่นเอาหลายคนในรัฐบาลไทย ทั้งหัวหงอก หัวดำ รวมทั้งพันธมิตรเสื้อเหลือง ต่างพากันกรี๊ดปรี๊ดแตกโดยไม่ได้นัดหมาย มาร์คถึงกลับกร้าว จะด้วยความคับแค้นที่ถูกสมเด็จ ฮุน เซ็น สอนมวย ด้วยวาทกรรม ทักษิณและอองซาน ซูจี ช่วงประชุมสุดยอดอาเซียนหรือไม่นั้น ไม่อาจฟันธงได้

กระทรวงการต่างประเทศของไทยถึงได้ออกมาแถลงการณ์ในวันที่ 5 พ.ย. เรียกตัวทูตไทยในพนมเปญกลับด่วน ตามด้วยมาตรการณ์อื่นๆอีกเล็กน้อยพอให้หายแค้น

แต่กัมพูชาเองก็ไม่ยี่หระกับการกระทำดังกล่าวของรัฐบาลไทย ล่าสุดจากรายงานข่าว 3มิติ ทางกัมพูชาก็ออกมาตอบโต้ด้วยการเรียกตัวทูตกัมพูชา ประจำ กทม. กลับเช่นกัน

กษิตเองถึงกับออกมาพูดว่า เขมรจะต้องเลือกว่าจะเอา ทักษิณหรือ จะเอาประเทศไทย ..

วาทกรรมเดิมๆ อ้างประเทศ อ้างประชาชน (ประชาชนส่วนไหนวะ อย่าเอาตูไปรวมด้วยนะเฟ้ย)

และด้วยคำถามเดิมๆ ที่ถามใครต่อใคร ว่าจะเลือกทักษิณ หรือ ประเทศไทย ..คาดว่าอีกไม่นาน กษิตอาจต้องถามคำถามนี้กับเพื่อนบ้านอีกหลายประเทศ ที่เขาก็ต่างแสดงท่าทีชัดเจนให้เห็นแล้วในช่วงประชุมสุดยอดอาเซียน

เพื่อนบ้าน เขาไม่ได้ให้เกียรติ รัฐบาลอำมาตย์นี้เลย

หากจะย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 2 พ.ย. นาย วีระ สมความคิด แกนนำกลุ่มประชาชนชาวไทยผู้รักชาติ พร้อมด้วยผู้ชุมนุมประมาณ 200 คน รวมตัวกันเข้ายื่นหนังสือที่กองรับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล โดยมีเนื้อหาดังนี้

1.ให้นายอภิสิทธิ์ คัดค้านการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก โดยยืนยันการไม่สนับสนุนไม่ว่าจะเป็นกรณี ใดก็ตาม
2.ให้ยกเลิกมติ ครม. เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2551 ที่รับรองแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา โดยทำหนังสือแจ้งให้นานาชาติและคณะกรรมการมรดกโลกได้รับทราบอย่างเร็วที่สุด
3.ให้นายอภิสิทธิ์ ปลดนายวศิน ธีรเวชญาณ ประธานคณะกรรมการจัดทำหลักเขตแดนไทย-กัมพูชา (เจบีซี) ฝ่ายไทย ออกจากตำแหน่ง
4.ให้ออกคำสั่งปิดชายแดนไทย-กัมพูชา เป็นการชั่วคราว งดให้ความช่วยเหลือในทุกๆ ด้าน จนกว่าทางกัมพูชาจะทำการขอโทษประเทศไทยอย่างเป็นทางการ
5. "ให้ออกคำสั่งเรียกทูตไทยประจำกัมพูชา กลับประเทศไทยเป็นการด่วน"

นี่สินะ ที่มาของการเรียกทูตกลับ ก็เพื่อสนองความต้องการของพันธมิตร

ก็พวกคุณมันพวกเดียวกัน

ไทยตอบโต้เขมร เรียกทูตกลับ สัมพันธ์ตึงเครียด


"อภิสิทธิ์" สั่งก.ต่างประเทศเรียกตัวทูตไทยในพนมเปญกลับด่วนเย็นนี้ พร้อมทบทวนพันธกรณี-ความช่วยเหลือ หลังกัมพูชาตั้ง "ทักษิณ" เป็นที่ปรึกษา ศก. ชี้หมิ่นกระบวนการยุติธรรมไทย..

เมื่อเวลา 15.15 น. วันที่ 5 พ.ย. ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แถลงถึงท่าทีของรัฐบาลไทยต่อกรณีรัฐบาลกัมพูชาแต่งตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจ และที่ปรึกษาส่วนตัวของนายกรัฐมนตรีกัมพูชา รวมถึงยืนยันที่จะไม่ส่งตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ให้กับไทยตามสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน หากได้รับการร้องขอ ว่า กระทรวงการต่างประเทศขอแถลงว่า รัฐบาลได้ชี้แจงกับรัฐบาลกัมพูชาไปแล้วในโอกาสต่างๆ ว่าความสัมพันธ์ระหว่างทั้ง 2 ประเทศ ต้องอยู่เหนือความสัมพันธ์ส่วนบุคคล การดำเนินการใดๆ ของฝ่ายกัมพูชาเกี่ยวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่สามารถแยกแยะออกจากความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศได้ และกระทบต่อความรู้สึกของคนไทยทั้งชาติ เนื่องจาก พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นผู้หลบหนีคดีอาญา และยังคงมีบทบาททางการเมืองในประเทศอยู่

การแต่งตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นที่ปรึกษารัฐบาลกัมพูชาและที่ปรึกษาส่วนตัวของนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ถือว่าเป็นการแทรกแซงกิจการภายในของไทย และเป็นการปฏิเสธกระบวนการยุติธรรมของไทย รวมทั้งทำให้ความสัมพันธ์และผลประโยชน์ส่วนบุคคลอยู่เหนือความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ รัฐบาลไทยจึงนิ่งเฉยไม่ได้ และมีความจำเป็นจะต้องรับฟังความคิดเห็นของประชาชนทั้งประเทศ การดำเนินมาตรการต่างๆ ของรัฐบาลไทย เพื่อจะให้ฝ่ายกัมพูชารับรู้ถึงความไม่พึงพอใจของประชาชนไทยทั้งปวง

นายชวนนท์ กล่าวต่อว่า จากการดำเนินการของรัฐบาลกัมพูชา ทำให้รัฐบาลไทยจำเป็นต้องทบทวนสถานะความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา และดำเนินการ ดังนี้ เรียกตัว นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย เอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ กลับ ทบทวนพันธกรณีต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับฝ่ายกัมพูชาในช่วงที่ผ่านมา และทบทวนความร่วมมือต่างๆ ที่รัฐบาลไทยกำลังดำเนินการกับกัมพูชา ซึ่งการทบทวนนี้ รัฐบาลไทยจะกระทำด้วยความจำใจ เนื่องจากรัฐบาลไทยประสงค์มาโดยตลอดที่จะให้ความร่วมมือกับฝ่ายกัมพูชา เพื่อพัฒนาการอยู่ดีกินดีของชาวกัมพูชา เพื่อลดช่องว่างของประชาชน และลดช่องว่างระหว่างกัมพูชากับประเทศสมาชิกอาเซียนอื่นๆ

ต่อมาเวลา 15.20 น. ที่รัฐสภา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การแถลงของรัฐบาลกัมพูชามีส่วนที่พาดพิงถึงกระบวนการยุติธรรมของไทย และตนเชื่อว่ากระทบความรู้สึกของประชาชนพอสมควร ดังนั้นทางกระทรวงการต่างประเทศจะดำเนินมาตรการเพื่อที่จะให้ทางกัมพูชาได้รับทราบถึงความรู้สึกของประชาชนไทย ซึ่งจะเป็นการดำเนินการตอบโต้ตามขั้นตอนทางการทูต โดยตนจะให้นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นผู้ชี้แจงในรายละเอียด แต่มาตรการทั้งหมดจะทำโดยไม่ให้กระเทือนความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนกับประชาชน เพราะเชื่อว่าประชาชนไทยกับกัมพูชาต้องการที่จะเป็นเพื่อนบ้านที่ดีต่อกัน แต่เมื่อรัฐบาลมาทำในสิ่งซึ่งมีปัญหาก็จะเป็นการตอบโต้ในส่วนของรัฐบาล

ส่วนจะถึงขั้นต้องปิดพรมแดนหรือไม่นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่มี เพราะเรื่องการค้าขายตามชายแดนเป็นผลประโยชน์ของประชาชนร่วมกัน แต่ในแง่มาตรการตนได้คุยกับทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคิดว่าจะมีมาตรการที่เหมาะสมที่จะดำเนินการ โดยประชาชนคนไทยจะไม่เดือดร้อน

หาเรื่อง?

ไม่ควรจะเป็นเรื่องก็ทำให้เป็นเรื่องขึ้นมาเสียอย่างนั้น จะอะไรเสียอีกก็ปัญหาการเสนอถอดยศและริบคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ของ "พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี
ดูเหมือนรัฐบาลเองก็พอจะรู้ว่านี่คือ "เผือกร้อน"
เพราะทั้ง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ และ นาย สุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ต่างประสานเสียงว่าไม่ใช่แอ๊กชั่นของรัฐบาล แต่เป็นเรื่องที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการมาระยะหนึ่งแล้ว
และที่กลายเป็นข่าวใหญ่ขึ้นมาเพราะตร.แห่งชาติ ส่งไปให้กฤษฎีกาตีความว่าคำตัดสินของศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมืองนั้น จะมีผลเท่ากับศาลฎีกาทั่วไปหรือไม่
กฤษฎีกา ชี้กลับมาว่ามีผลเท่ากันทุกประการ
ขั้นต่อไปคือดำเนินการถอดยศและริบเครื่องราชฯ
ไม่รู้เหมือนกันว่าคนที่ทำเรื่องนี้ต้องการเอาใจรัฐบาล หรือวางยารัฐบาลกันแน่!??
เพราะที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยและกลุ่มเสื้อแดง พยายามชี้ให้ประชาชนเห็นว่าถูกกลั่นแกล้งและรัฐบาลดำเนินการ 2 มาตรฐานมาตลอด
ไม่ต้องอื่นไกลคดีม็อบเสื้อแดงกับม็อบเสื้อเหลือง เห็นได้ชัดเจนที่สุด
ม็อบแดงที่อาละวาดเมื่อเดือนเมษายน ที่ผ่านมา ทั้งในกรุงเทพฯและการประชุมอาเซียนที่พัทยา คดีเดินหน้าแบบพรวดๆ ออกหมายจับและดำเนินการกับผู้เกี่ยวข้องแทบจะครบทุกกระบวนการแล้ว โดยใช้เวลาเพียงไม่กี่เดือนเท่านั้น
แต่ม็อบเสื้อเหลืองที่ทั้งยึดทำเนียบรัฐบาล ยึดสนามบิน สร้างความเสียหายให้ประเทศชาติยิ่งกว่าม็อบเสื้อแดงหลายเท่า
จนป่านนี้คดียังไปไม่ถึงไหนทั้งๆ ที่ผ่านมากว่า 1 ปีแล้ว
ทั้งที่จะว่าไปแล้วการปิดสนามบินเข้าข่ายการก่อการร้ายสากล และพยานหลักฐานก็ชัดเจน ชนิดถ้าเป็นโจรก็ประมาณว่าถูกจับได้คาหนังคาเขา
รัฐบาลเองก็ดูเหมือนจะไม่สนใจเร่งรัดให้ดำเนินการแต่อย่างใด
ยิ่งมาเกิดเรื่องถอดยศและริบเครื่องราชฯ ด้านหนึ่งกลุ่มที่ไม่ชอบ พ.ต.ท.ทักษิณ อาจจะสะใจ
แต่อีกด้านก็มองได้ว่าเป็นการกลั่นแกล้งชนิดจองเวรไม่เลิก
เพราะการถอดยศหรือริบเครื่องราชฯ มันไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นมาเลย
เท่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ใช้ข้อหา 2 มาตร ฐาน การกลั่นแกล้งของรัฐบาล เรียกร้องขอความเห็นใจจากคนไทยได้มากโขอยู่แล้ว
เชื่อว่าฝ่ายพ.ต.ท.ทักษิณ และพรรคเพื่อไทยจะนำเรื่องนี้ไปขยายผลเพื่อขอความเห็นใจมากขึ้นไปอีก
เพราะธรรมชาติของคนไทย เป็นคนขี้สงสารอยู่แล้ว
และถ้าหากจะหาเรื่องกันจริงๆ เกิดมีใครจุดประเด็นให้รัฐบาลและหน่วยงานต่างๆ ถอดยศและริบเครื่องราชฯ ของจำเลยทุกคนที่คดีถึงที่สุดแล้ว
มันจะไม่ยุ่งกันใหญ่หรือ!??


คอลัมน์ เหล็กใน
ข่าวสดรายวัน วันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2552 ปีที่ 19 ฉบับที่ 6911 

ถอดยศ

หลักเกณฑ์ การปลดและถอดยศ มีระบุไว้ใน พ.ร.บ.บำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ.2494, ข้อบังคับ กห.ว่าด้วยการบรรจุ ปลด  ย้าย  เลื่อน  และลดตำแหน่งข้าราชการกลาโหม  พ.ศ.2502, ข้อบังคับ กห.ว่าด้วยผู้ซึ่งไม่สมควรจะดำรงอยู่ในยศทหาร และบรรดาศักดิ์  พ.ศ.2507,  คำสั่ง  ทบ.ที่  176/2508 ลง 10 มิ.ย. 08 เรื่องการหมุนเวียนกำลังพล

และระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าด้วยการถอดยศตำรวจ พ.ศ.2547 โดยมีเนื้อหาว่า เนื่องจากผู้ที่ดำรงอยู่ในยศตำรวจ สมควรประพฤติหรือวางตนให้เหมาะสมแก่เกียรติศักดิ์ มิฉะนั้นย่อมเป็นทางนำความเสื่อมเสียมาสู่หมู่คณะ โดยเหตุผลดังกล่าว หากผู้ใดประพฤติหรือวางตนให้เหมาะสมกับเกียรติศักดิ์ไม่ได้ ก็ไม่สมควรจะดำรงอยู่ในยศตำรวจต่อไป

การเสนอถอดยศตำรวจทั้งแก่ ผู้ที่อยู่ในราชการตำรวจและ ที่พ้นจากราชการตำรวจไปแล้ว ให้กระทำได้มีเหตุอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้

ต้องคำพิพากษาของศาลถึงที่สุด ว่าทุจริตต่อหน้าที่ราชการ แม้ศาลจะพิพากษารอการกำหนดโทษ หรือรอการลงโทษไว้ก็ตาม

โทษต้องเป็นโทษจำคุกหรือหนักกว่าจำคุก ยกเว้น ความผิด ลหุโทษหรือความผิดที่ได้กระทำโดยประมาท

ต้องคำพิพากษาถึงที่สุด ให้เป็นบุคคลล้มละลายเพราะก่อให้เกิดหนี้ขึ้นโดยทุจริต หรือกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงและมีคำสั่งลงโทษไล่ออกจากราชการ

ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงสำหรับ ผู้ที่มิได้อยู่ในราชการหรือหน่วยงานของรัฐ ต้องคดีอาญาแล้วหลบหนีสำหรับผู้มิได้อยู่ในราชการหรือหน่วยงานของรัฐ

ทุกกรณีถ้าจะปฏิบัติกันโดยเคร่งครัด  เข้าใจว่าคงจะมีข้าราชการ ที่ถูกถอดยศกันเป็นกระบุง โดยเฉพาะพวกที่ชอบทำตัวมีสีมี อิทธิพล  ประพฤติชั่ว  ซึ่งหมายถึงข้าราชการ  ทหาร  ตำรวจโดยทั่วไป

แต่ก็ถ้อยทีถ้อยอาศัยกันมาตลอด

พูดถึงกรณีนักการเมืองหรือข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในอดีตมีบางท่านเคยถูกถอดยศก็ขอยศคืน หรือขอเพิ่มยศให้ตัวเองก็มี เรื่องยศ เรื่องตำแหน่ง เรื่องเครื่องราชย์ฯสมัยหนึ่งถูกชาวบ้านวิจารณ์กันมาก  เพราะมีการนำไปแสวงหาประโยชน์อย่างไม่สมควร

ระยะหลังมีการเข้มงวดมากขึ้น นักการเมืองก็ไม่กล้าขยับจะขอเพิ่มยศให้ตัวเอง ส่วนที่มีการกระทำความผิดก็นำเหตุผลอื่นมาประกอบในลักษณะบัวไม่ให้ช้ำน้ำไม่ให้ขุ่น เนื่องจากยศตำแหน่งมาจากการพระราชทานจึงมีการระมัดระวังกันมากขึ้น  อดีตนายกฯหลายท่านถูกยัดข้อหาทุจริต  ถูกยึดอำนาจ ถูกดำเนินการทำนองเดียวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร  แต่ก็ไม่ถึงกับถูกถอดยศ  เพิ่งจะมากระตือรือร้นเอาในรัฐบาลชุดนี้.


ไทยรัฐออนไลน์ 31 ตุลาคม 2552, 05:00 น.

เข้าตาจน!!! ........... โดย:หมัดเหล็ก

ท่าทีของพลพรรค ประชาธิปัตย์ ในการเล่นการเมืองข้ามชาติดูจะออกอาการอย่างไรชอบกล โฆษกประจำตัว นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ประกาศจะนำความสัมพันธ์ทางธุรกิจ ระหว่าง สมเด็จฮุน เซน กับ อดีตผู้นำ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มาแฉ โยงไปถึงธุรกิจการสื่อสารโทรคมนาคม

อาการน่าเป็นห่วง

มองในแง่ของธุรกิจ ปัจจุบันโครงข่ายการสื่อสารดังกล่าวเป็นของ กองทุนสิงคโปร์ ไปเรียบร้อยแล้ว ผลกระทบที่เกิดจากพิษการเมือง จะบานไปถึงความสัมพันธ์ระหว่าง ไทยกับสิงคโปร์ อย่างไรหรือไม่ หรือจะกระทบไปถึงบริษัทธุรกิจดังกล่าวในลักษณะไหน คิดจะเผานาฆ่าหนูตามเคย

มองในแง่การเมือง การนำการเมืองภายในไปปะปนเป็นการเมืองระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน หรือพูดภาษาชาวบ้านว่าชักศึกเข้าบ้าน ไม่สมควรอย่างยิ่ง เพราะนายกฯกัมพูชาพูดเอาไว้ชัดเจนว่าเป็นความสัมพันธ์ส่วนตัว ไม่ใช่การก้าวก่ายการเมืองภายในประเทศไทย ยิ่งดันทุรังก็ยิ่งแสดงถึงความเป็นเด็กดื้อ

ความใจแคบเพราะไม่ได้คิดเอง เพราะต้องทำตามใบสั่งเห็นใครก็ตามที่มาเกี่ยวข้องหรือติดต่อกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็จะผลักไสให้เป็นศัตรูคู่อาฆาตไปหมด เสมือนว่าชาตินี้ห้ามคบค้าสมาคมกับอดีตผู้นำอย่างเด็ดขาด การบริหารประเทศต้องแสดงถึงภาวะผู้นำ การมีภาวะผู้นำ

จะเอาอารมณ์อยู่เหนือเหตุผลไม่ได้

ถ้าประเทศไหนต้อนรับ พ.ต.ท.ทักษิณ แล้วจะถือว่า เป็นศัตรูของรัฐบาลไทย ก็คงใช้ไม่ได้ อีกหน่อยไม่มีใครคบ เรื่องนี้รัฐบาลต้องดูตัวเองด้วยว่าทำไมถึงยังมีผู้นำประเทศต่างๆคบหาสมาคมกับพ.ต.ท.ทักษิณด้วยมิตรจิตอันดี การออกอาการทุรนทุรายของรัฐบาล

แสดงว่าใกล้เข้าตาจนเต็มที

จะเข้ามาขุดรากถอนโคนอดีตผู้นำก็ทำไม่สำเร็จ แถม ความนิยมของอดีตผู้นำยังดีวันดีคืน บริหารประเทศก็ไม่ ประสบความสำเร็จ ปัญหาการเมืองวิกฤติประเทศก็ยังรุมเร้า แค่ตั้ง ผบ.ตร.ตำแหน่งเดียว แค่สหภาพการรถไฟฯดื้อแพ่งไม่ยอม เดินรถก็หมดปัญญา จอดป้ายเอาดื้อๆ

ยิ่งถ้าใจไม่กว้างจะมาดึงดันเอา พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธเป็นศัตรูอีกคนก็ต้องคิดให้หนัก ลำพังแค่ พล.อ.ชวลิตเดินเกมพบเพื่อนเก่า จีน มาเลเซีย อินโดนีเซีย พม่า กัมพูชา รัฐบาลก็ไปไม่ถูกแล้ว

รีบออกมาสาดโคลนไม่ดูตาม้าตาเรือ ที่ พล.อ.ชวลิตเดินทางไปนั้น ได้รับเชิญในฐานะสมาชิกพรรคฝ่ายค้าน รัฐบาลดันมาตั้งป้อมกดดัน จะถูกมองว่าประเทศไทยเป็น ประชาธิปไตยหรือเผด็จการ กันแน่ ขนาดประเทศเพื่อนบ้านปกครองโดยรัฐบาลทหาร ยังใจกว้างกว่ารัฐบาลบ้านเราเยอะ

ไม่คับแคบ.

หมัดเหล็ก

ลงมีดซะที

กลับเข้าสู่สภาวะปกติเกือบ 100% แล้ว หลังสหภาพการรถไฟแห่งประเทศไทย สร้างความเสียหาย(อีกครั้ง) ด้วย การประท้วงและนัดหยุดงานแบบต่างๆ
ที่ใช้กันจนเกร่อคือการลาหยุด
แม้จะเป็นสิทธิที่ทำได้ แต่เจตนารมณ์ชัดเจนว่าต้องการสร้างความเสียหายและเดือดร้อนให้ประชาชน เพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ตัวเองต้องการเท่านั้น
ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่าวิธีการดังกล่าวคนไทยโดยเฉพาะคนกรุงเทพฯ รู้เช่นเห็นชาติอย่างดีว่าเป็นแนวทางเดียวกับกลุ่มพันธมิตรฯ
การปิดถนน การยึดทำเนียบฯ และการยึดสนามบิน สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนเพื่อบีบบังคับอำนาจรัฐให้ยอมสยบใต้เท้าของตน
ในอดีตที่ผ่านมาสหภาพรถไฟสร้างความเสียหายและเดือดร้อนให้ประชาชนมาหลายครั้ง หลายครา
แต่เมื่อเวลาผ่านไปไม่เคยมีใครถูกลงโทษ ปล่อยให้ลอยนวลและมีอำนาจเบ็ดเสร็จเหมือนเดิม
เป็นการปล่อยเพื่อรอเวลาให้พวกนี้ออกมาสร้างความเดือดร้อนซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า
เปรียบไปเหมือนคนร้ายที่ก่อคดี ตำรวจแทนที่จะจับหรือยัดเข้าคุกเพื่อให้หลาบจำ หรืออย่างน้อยป้องปรามคนร้ายรายอื่นๆ ทำเลียนแบบ
กลับไม่สนใจปล่อยเลยตามเลย
วันดีคืนดี โจรก็ออกมาก่อเหตุอีกเพราะรู้ดีว่าไม่มีทางถูกลงโทษ
แม้จะยอมรับในระดับหนึ่งว่าการมีสหภาพแรงงาน ขององค์กรต่างๆ ทางหนึ่งเป็นการปกป้องสิทธิพึงมี พึงได้ของพนักงาน และยังใช้จับทุจริตของผู้บริหารอย่างทรงประสิทธิภาพ
แต่เมื่อใดก็ตามที่สหภาพเริ่มล้ำเส้น พยายามแสวงหาอำนาจ เมื่อนั้นจุดมุ่งหมายสำคัญของการก่อตั้งสหภาพก็จะเปลี่ยนไป
การแสวงหาอำนาจหลักๆ มีอยู่ 2 รูปแบบ หนึ่งคืออำนาจในองค์กรของตน
อีกหนึ่งคืออำนาจทางการเมือง
ยิ่งกับสหภาพการรถไฟ ซึ่งถือว่ามีอิทธิพลและอำนาจในมือไม่ธรรมดา เพราะควบคุมระบบขนส่งหลักของเมืองไทย
หากประธานสหภาพ มีใจฝักใฝ่ในการแสวงหาอำนาจและเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเมืองเมื่อไหร่ ความวุ่นวายก็จะตามมาเมื่อนั้น
ดูเหมือนประธานสหภาพรถไฟ คนปัจจุบันจะมีทั้ง 2 เงื่อน ไขที่ว่าอย่างครบถ้วน
การพยายามต่อรองเพื่อปลดคนโน้น คนนี้ ที่ไม่ทำตามประสงค์ของตัวเอง คือการแสดงออกถึงอำนาจในองค์กร
ขณะเดียวกันก็แสดงตัวชัดเจนว่าเป็นหนึ่งในพันธมิตรฯ พยายามจะมีบทบาททางการเมือง
จึงเป็นเรื่องที่สมาชิกสหภาพ การรถไฟฯ และภาครัฐ ต้องพึงสังวรให้จงหนัก ว่าจะลงมีดเพื่อแก้ไข หรือจะปล่อยให้เหตุแบบนี้เกิดต่อไปเรื่อยๆ
จะทำอะไรก็ทำสักอย่าง ยิ่งนาทีนี้ประชาชนกำลังรุมด่ากันทั้งบ้านทั้งเมือง
โอกาสทองฝังเพชรเลยนะนั่น!??

คอลัมน์ เหล็กใน ข่าวสดรายวัน
วันที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2552 ปีที่ 19 ฉบับที่ 6907

สุดยอดผู้นำอาเซียน

ปิดฉากการประชุม สุดยอดผู้นำอาเซียน ที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ไปเป็นที่เรียบร้อย ส่วนเนื้อหาสาระจะเป็นอย่างไร ฟังถ้อยแถลงจากโฆษกรัฐบาล คุณปณิธาน วัฒนายากร รวบหัวรวบหางว่าประสบความสำเร็จในทุกๆด้าน หารือเรื่องสำคัญอย่างครบถ้วน ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยและกัมพูชา ไม่ได้มีการหารือในที่ประชุมเนื่องจากเป็นเรื่องระหว่าง 2 ประเทศ

ว้าเหว่

เรื่องความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศ ระหว่าง 2 ผู้นำ ไทย-กัมพูชา คงไม่ต้องไปพูดอะไรให้เมื่อยตุ้ม พูดไปก็จะเป็นการแก้ตัวเปล่าๆ ต้องยอมรับว่าความสัมพันธ์นั้นถึงขั้นร้าวฉานไปแล้ว

ประเภทเกณฑ์พรรคพวกมาวิพากษ์วิจารณ์ นายกฯกัมพูชา ก็ยังถือเป็นงานถนัดของรัฐบาลชุดนี้อยู่แล้ว แต่ผู้นำประเทศไทยอดไม่ได้ ลงเวทีน้ำลายซะเอง

ดูทะแม่งไปหน่อย

ก็เอาเถอะนานาจิตตัง คนรักคนชอบนายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะก็ต้องออกมาเชียร์ให้อภิสิทธ์โต้ฮุน เซน อยู่วันยังค่ำ บ้านเราจะรักจะชอบใครไม่ค่อยจะลืมหูลืมตาซะด้วย เลยฝึกนิสัยการสร้างภาพให้ นักการเมืองจนเคยตัว ขนาดนักการเมืองทำความผิด ยังมาตีหน้าเศร้า เล่าความเท็จ อย่างไร้จิตสำนึกไม่มีเขินซักนิด

ก็มีเมืองไทยนี่แหละ

ข้อพิพาทระหว่างไทย-กัมพูชาที่ทำท่าจะบานปลาย ตอนนี้คงยากจะเยียวยา สิ่งที่รัฐบาลควรคิดเอาไว้ล่วงหน้าก็คือ สมมติเกิด พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร เดินทางเข้ามากัมพูชาจริงๆ จะดำเนินการอย่างไร

จะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ก็ไม่ได้ เพราะประกาศไว้แล้ว จะขอตัวผู้ร้ายข้ามแดน ก็ต้องทำตามขั้นตอน ซึ่งก็น่าจะได้คำตอบล่วงหน้าอยู่แล้วเพราะนายกฯกัมพูชาประกาศเอาไว้ชัดแจ๋ว

ในด้านเนื้อหาสาระ จะว่าไปแล้วการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนครั้งนี้เราละเลยอะไรไปเยอะ โดยเฉพาะเรื่อง ผลประโยชน์ของประชาชน ในย่านภูมิภาคนี้

มีแต่เรื่องไม่เป็นเรื่อง

ประเทศสหรัฐฯประกาศภาวะฉุกเฉินเตรียมรับมือกับ ไข้หวัดใหญ่ 2009 รอบใหม่ วัคซีนป้องกันมีเท่าไหร่ขนไปฉีดป้องกันให้กับคนอเมริกันล่วงหน้า มาก่อนฉีดก่อน

เศรษฐกิจการลงทุนจบลงด้วยระบบตัวใครตัวมัน จีน ญี่ปุ่น อินเดีย ยักษ์ใหญ่ในภูมิภาคนี้จะมาสนใจเศรษฐกิจประเทศอาเซียนให้เมื่อยตุ้มทำไม กัมพูชา เวียดนาม ลาว พม่า รอเม็ดเงินลงทุนเข้าประเทศลูกเดียว จากความได้เปรียบที่คนไทยทะเลาะกันเอง สิงคโปร์คอยจังหวะเซ็งลี้ไปเรื่อยๆตามถนัด

เหลือประเทศเจ้าภาพนี้แหละที่รับเละ

ไม่แน่ประเทศเพื่อนบ้านอาจจะโล่งอกที่ เวียดนามรับเป็นเจ้าภาพรายต่อไป ไม่ต้องมานั่งอึดอัดใจกับการเมืองภายในของ ประเทศไทย ที่จะลามไปถึงเพื่อนบ้านเหมือนทุกวันนี้.

หมัดเหล็ก
คอลัมน์คบลูกคาบดอก ไทยรัฐออนไลน์ 27 ตุลาคม 2552, 05:00 น.

ตั้งยังไง

ตั้งยังไง (Promote police) บทเพลงจาก nakaramusic

มีเมียเพื่อน

มีเมียเพื่อน (Friend wife) บทเพลงจาก nakaramusic

ขำขันวันตำรวจ

โฆษกตำรวจ พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ บอกว่า พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาการผบ.ตร. จะเป็นผู้ทำหน้าที่ประธานงานวันตำรวจ ซึ่งจะมีในวันนี้ ที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจ สามพราน
ปกติงานวันตำรวจ 13 ต.ค.ของทุกปี ก็จะเป็นเรื่องภายในองค์กรสีกากี มีภาพข่าวออกมาบ้างตามสมควร
แต่ปีนี้ กลายเป็นหัวข้อพูดจาขบขันสะท้อนปัญหาของตำรวจ!
กลายเป็นปีที่ ตำรวจไร้หัว

เพราะนายกฯทำให้เป็นเรื่องยาก จนเดินเข้าตาอับ หาทางออกไม่ได้
สงสัยชีวิตนี้ ไม่เคยมีคำว่ารู้สึกผิดพลาดแล้วยอมถอย หรือคิดอะไรไม่เหมือนคนส่วนใหญ่ แต่ก็ต้องยอมรับเพราะเราอยู่ในสังคมประชาธิปไตย และไม่ผูกขาดความถูกต้อง
ถ้าคนเรามีมุมมองอย่างนี้จะไม่สร้างปัญหาให้ส่วนรวม

ถึงวันนี้ยังตั้งผบ.ตร.ไม่ได้ ซึ่งก็คงรู้แล้วว่าเพราะอะไร แต่ก็ถอยไม่เป็นเสียอีก

อีกอย่างตกอยู่ใต้อิทธิพลของคนอื่นมากเกินไป จนเอาผลประโยชน์ขององค์กรราชการไปผูกไว้กับกลุ่มเล่นเกมอำนาจนอกระบบ
เมื่อตั้งไม่ได้ เลยใช้วิธี ซื้อเวลาไปเรื่อยๆ
ตอนนี้ก็โยนภาระไปที่รองนายกฯเทพเทือก ให้ไปจัดการแต่งตั้งตำรวจระดับรองผบ.ตร.ลงไป ซึ่งขณะนี้ว่างหลายร้อยเก้าอี้เพราะเขาเกษียณกันไปตามวาระประจำปี
แต่ยังไม่มีหัว ก็เลยติดขัดถึงลำตัวกระทบไปยังแขนขา!

นี่เริ่มปีงบประมาณใหม่ไปแล้ว เก้าอี้นายพลยังว่างโหว่ กระทบต่อประสิทธิภาพขององค์กร
ถ้าตำรวจไม่เต็มร้อย ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของชาวบ้านยิ่งหนักหน่วง

น่าคิดว่า เทพเทือกจะสามารถเจรจากับก.ตร.ที่มีมติไปก่อนนี้ว่า ต้องให้ผบ.ตร.คนใหม่ เป็นผู้ทำบัญชีโยกย้ายประจำปี ได้หรือไม่
ถ้าก.ตร.ยังยืนยันให้นายกฯไปตั้งผบ.ตร.มาให้ได้ก่อน ก็คงทำบัญชีนายพลประจำปีไม่ได้!!
แต่คนอย่างเทพเทือกซึ่งเป็นผู้ใหญ่กว่ามาก เข้าใจศิลปะการทำงานร่วมกับผู้อื่น
รู้จักให้เกียรติ และเคารพในธรรมเนียมประเพณีขององค์กรมากกว่า เช่น ไปกินข้าวคุยกันนอกรอบมาแล้ว
อาจจะหาทางออกในเรื่องนี้ได้ ซึ่งคงต้องรอดูการประชุมก.ตร.อย่างเป็นทางการอีกที
ถ้าตัดสินใจในเรื่องตำรวจแล้วประโยชน์ไปตกกับกลุ่มอำนาจนอกระบบ แบบนายกฯทำ

ถ้าตัดสินใจด้วยจุดยืนแบบนี้ ก็ยากจะสำเร็จ
ถ้าเทพเทือกคิดต่างจากนี้ อะไรก็ง่ายขึ้น!


โดย: วงค์ ตาวัน คอลัมน์ ชกไม่มีมุม
ข่าวสดรายวัน วันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2552 ปีที่ 19 ฉบับที่ 6893

13 ตุลาคม วันตาสว่างแห่งชาติ

ต่างมุมมอง กับ 13 ตุลาคม วันตาสว่างแห่งชาติ

“ศรีแพร”

เธอคือโบว์ประดับใจ พันธมิตร
เธอคือโบว์ประดับจิต มิตรสหาย
เธอคือโบว์ประดับฟ้า สง่าพราย
เธอคือโบว์ ดอกไม้แห่งมวลชน

ห่ากระสุนไม่ระคาย ใจประเสริฐ
ห่าระเบิดไม่ระคาย ใจกุศล
ประวัติศาสตร์ 7 ตุลา กล้าผจญ
วีรชน วีรสตรี ที่ชื่อโบว์

หนึ่งตำรวจพันธมิตร จิตใจงาม
หนึ่งผู้น้ำใจดี เมธีโธ่
พันธมิตรพี่น้อง ร้องไห้โฮ
โอ้โหเมธี ชาติมนตรี

สละชีพเพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์
เกียรติประวัตินักสู้ ผู้ไม่หนี
เขาปกป้องประชาชน โดนย่ำยี
ชีวิตพลี เพื่อ ประชาธิปไตย

วีรสตรี วีรบุรุษ พันธมิตร
ผู้อุทิศเรือนร่าง ถางทางให้
แขนขา ดวงตา ที่เสียไป
เพื่อชูชัย มวลมหา ประชาชน

"~SaBoOo!~ ประชาไท"

จ๊าบซีโฟร์ โบว์ปิงปอง ม่องเป็นผี
จะชั่วดี อยู่ว่าที่ เลือกข้างไหน?
ฝั่งเสื้อแดง บอกไอ้-อี นี่จังไร
พธม. ใช่ ! พวกเขาคือ วีรชน


เธอคือโบว์ ประดับใจ ใครกันเหวย
จะเอื้อนเอ่ย อย่างไร ใครจะสน
เธอคือโบว์ ประดับฟ้า ของบางคน
แต่หลายคน ก่นด่า กันทั้งเมือง

อ้างเพื่อฟ้า เลยดึงฟ้า ลงมาต่ำ
เลยเป็นกรรม ฟ้าตกต่ำ อย่างต่อเนื่อง
ชาวประชา ตาสว่าง กันทั้งเมือง
ที่เคยเชื่อง ก็เลิกเชื่อง หลีกหนีไกล

วีรชน อีกคน นั่นก็จ๊าบบบ
อยากจะกราบ แต่จะกราบ ที่ตรงไหน
โดนระเบิด ที่ตัวสร้าง ร่างหายไป
กราบยังไง? ในเมื่อ หัวไม่มี

สละชีพเพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์
เกียรติประวัตินักสู้ ไม่ทันหนี
หลบไม่ทัน ร่างเลยสิ้น ไร้ชิ้นดี
ไปเมืองผี วีรชน คนของใคร?

"เหมือนจะแก้ได้ แต่ไม่ได้" รัฐบาล"จนแต้ม" หมดสภาพ"ชูธงนำไทย"

ขณะที่รัฐบาลออกแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555
ขณะที่รัฐบาลกำลังเดินเครื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550
ขณะที่รัฐบาลมีโครงการหลากหลายเพื่อรวมไทยเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

หากแต่สภาพที่ปรากฏในปัจจุบัน กลับดูเหมือนว่า รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไม่สามารถแก้ไขปัญหาอะไรได้มากนัก
ทั้งนี้ สังเกตได้จากความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนที่ขัดแย้งในสังคมไทย ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ด้วยลีลาและอาการเฉกเช่นเดิม

อย่าลืมว่า ประเทศไทยเผชิญวิกฤตหลายๆ เรื่องพร้อมๆ กัน
ทั้งเรื่องการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม

รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งสลับขั้วจากพรรคการเมืองฝ่ายค้านก้าวกระโดดมาเป็นรัฐบาลเองก็รู้ปัญหาดี
ดังนั้น เมื่อครั้งที่รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์เข้าบริหารประเทศ จึงชูธงแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง

รัฐบาลเดินเครื่องแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจด้วยการอัดงบประมาณลงไปให้แก่ประชาชนภาคส่วนต่างๆ ทั้งในรูปแบบ "เงินเดือน" "เงินประจำตำแหน่ง" "เงินช่วยเหลือ" และรูปแบบอื่น อย่างเช่น "เงินกองทุนหมู่บ้าน"
รัฐบาลอนุมัติงบประมาณจำนวนนับพันนับหมื่นล้านเพื่อให้มีการก่อสร้าง ซ่อมแซม สิ่งปลูกสร้างต่างๆ
รัฐบาลดำเนินการกู้เงินจำนวนมหาศาล เพื่อเอามาใช้จ่ายในส่วนของการลงทุน กระจายเงินให้แก่พรรคร่วมรัฐบาล เพื่อหวังสร้างเอกภาพทางการเมือง

กระทั่งล่าสุด รัฐบาลออกแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 งบประมาณหลายแสนล้านบาท
โดยหวังจะกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างความนิยม และสร้างเอกภาพในพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน

นอกจากนี้รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี ยังประกาศว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 และพร้อมจะยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่ หากการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เสร็จสิ้น

รัฐบาลประสานงานกับรัฐสภาตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อหาข้อยุติเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ใช้ชื่อว่า "คณะกรรมการสมานฉันท์"
คณะกรรมการชุดดังกล่าวได้สรุปแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญออกเป็น 6 ประเด็น ได้รับความเห็นชอบจากฝ่ายการเมือง คือ ฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน และฝ่ายวุฒิสภาว่าสมควรจะแก้ไข

ภาพรวมความเคลื่อนไหวของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี ดูเหมือนกับว่า ได้ดำเนินการคืบหน้าไปมาก
คล้ายๆ กับว่า รัฐบาลสามารถคลี่คลายปัญหาไปได้แล้ว
หากแต่เมื่อสดับฟังความเคลื่อนไหวของภาคส่วนต่างๆ กลับพบว่า รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี ยังคงต้องเผชิญหน้ากับปัญหาต่างๆ อยู่เหมือนเดิม

รัฐบาลยังต้องแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจต่อไป โดยมีปัญหาใหญ่ คือ ปัญหาโครงการที่บริหารงานอย่างไร้ประสิทธิภาพ และปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นตามมา
โครงการชุมชนพอเพียง และแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็งในภาคส่วนของกระทรวงสาธารณสุข เป็นอุบัติการแรกๆ เห็นชัดแจ้ง

รัฐบาลยังคงต้องแก้ไขปัญหาเอกภาพของรัฐบาล โดยเฉพาะปัญหาเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการในกระทรวงต่างๆ
ปัญหาการแต่งตั้งตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติยังคาราคาซังอยู่ และกลายเป็นปัญหาระหว่างหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล คือ นายอภิสิทธิ์ จากพรรคประชาธิปัตย์ และนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ในฐานะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ หรือ ก.ต.ช.

กระทั่งนายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เซ็นใบลาออกจากตำแหน่งเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
ทำให้นายอภิสิทธิ์ต้องดึงตัวนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี มานั่งในตำแหน่งเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และปรับคณะรัฐมนตรีเล็กๆ โดยนำเอานายไตรรงค์ สุวรรณคีรี มาเป็นรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ

นี่ยังไม่รวมถึงการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการในระดับปลัดกระทรวง เรื่อยลงไปถึงระดับปลัดจังหวัดและนายอำเภอ
เช่นเดียวกับเรื่องความแตกแยกภายในสังคม

รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ได้สนับสนุนให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 ใน 6 ประเด็นตามที่คณะกรรมการสมานฉันท์ และคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล พรรคร่วมฝ่ายค้าน และคณะกรรมการประสานงานวุฒิสภาเห็นชอบ
เพียงแต่ให้มีการทำประชามติด้วย

ผลการสนับสนุนดังกล่าว ทำให้กลุ่มพลังมวลชนทั้ง "คนเสื้อแดง" และ "คนเสื้อเหลือง" ถือโอกาสใช้เป็นเงื่อนไขในการเคลื่อนไหวทางการเมืองอีกครั้ง

กลุ่มคนเสื้อแดงปฏิเสธการแก้ไขรัฐธรรมนูญตามแนวทางของคณะกรรมการสมานฉันท์ เพราะเห็นว่า จะเข้าทางรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ที่ต้องการยืดอายุรัฐบาลออกไป
และเสนอให้นำเนื้อหารัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2540 กลับมาใช้อีกครั้ง

กรณีนี้ได้รับการสนับสนุนจาก "ส่วนหนึ่ง" ของพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะกลุ่มของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคเพื่อไทย
แต่ภายหลังนายวิทยา บูรณศิริ ประธานวิปฝ่ายค้านออกมายืนยันที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญตามประเด็นของคณะกรรมการสมานฉันท์

เป็นเหตุให้ ร.ต.อ.เฉลิม ประกาศลาออกจากตำแหน่งประธานสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคเพื่อไทย

ส่วนกลุ่มคนเสื้อเหลืองนั้น ก็ไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยประกาศว่า วันใดที่มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะเริ่มต้นชุมนุมคัดค้านอย่างต่อเนื่อง

เท่ากับว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ได้ดึงเอากลุ่มเคลื่อนไหวทั้ง "แดง" และ "เหลือง" ออกมาเผชิญหน้า
กระทั่งคาดการณ์กันว่า นับแต่สัปดาห์นี้เป็นต้นไป บรรยากาศม็อบนอกสภาจะกลับมาคึกคักกับเงื่อนไขรัฐธรรมนูญกันอีกครั้ง
ทั้งหมดคือผลงานรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ภายใต้การนำของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี

เป็นผลงานที่แลดู "เหมือนจะแก้ไขปัญหาได้" แต่ "ยังแก้ไขปัญหาต่างๆ มิได้"

ผลงานที่ปรากฏเหมือนกับว่า รัฐบาลกำลังมีพื้นที่เดินน้อยลง ปัญหาความร้าวฉานแผ่ซ่านเข้าไปสู่ภายในรัฐบาล และภายในพรรค

วันนี้รัฐบาลจึงได้แต่ตั้งรับ

รัฐบาลไม่มีโอกาสเป็นฝ่ายรุก

ไม่มีโอกาสนำไทยกลับสู่ความรุ่งเรือง

ที่มา: มติชนรายวัน วันที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2552 ปีที่ 32 ฉบับที่ 11537

newskythailand Gallery

Twitter Updates (thaksinlive)

Red Twitter ทวิตเตอร์เสื้อแดง

จำนวนผู้เยี่ยมชม