อาลัยแด่การจากไปของลุงหมัก


24 พฤศจิกายน 2552 เป็นอีกหนึ่งวันที่เราต้องเสียขุนพลฝ่ายประชาธิปไตยไป อย่างไม่มีวันกลับ กับการจากไปของนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 25 ของไทย เมื่อเวลา 08:48น. ที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ หลังเข้าพักรักษาตัวด้วยโรคมะเร็งขั้วตับ เป็นเวลาประมาณ 1 ปี

หลังจากการรัฐประหารเมื่อปี 2549 หลังจากการที่พรรคไทยรักไทยถูกยุบ ตามแผนบันได 4 ขั้นของ คมช และตัดสิทธิ์ทางการเมืองของกรรมการบริหารพรรคทั้ง 111 คน

ในวันที่ฝ่ายประชาธิปไตยต้องเพลี่ยงพล้ำอย่างนี้ ลุงหมักได้อาสารับหน้าที่เป็นหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ทำหน้าที่เป็นขุนพลที่ช่วยให้ฝ่ายประชาธิปไตย ได้ฟื้นกลับมาตั้งตัวได้อีกครั้งหนึ่ง และเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นมวลมหาประชาชนอย่างทุกวันนี้

ขอขอบคุณลุงหมัก ขอขอบคุณอย่างจริงใจ ที่มีส่วนทำให้คนเสื้อแดงเติบโตจนถึงทุกวันนี้
อาลัยยิ่ง หลับให้สบายเถิด



ชีวประวัติ โดยสังเขป
นายสมัคร สุนทรเวชเป็นบุตรของ เสวกเอก พระยาบำรุงราชบริพาร (เสมียน สุนทรเวช) กับ คุณหญิงบำรุงราชบริพาร (อำพัน จิตรกร) เป็นหลานลุงของ มหาเสวกตรี พระยาแพทย์พงศาวิสุทธาธิบดี (สุ่น สุนทรเวช) นายแพทย์ประจำพระองค์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว และเป็นหลานตาของ มหาเสวกตรี พระยาอนุศาสน์จิตรกร (จันทร์ จิตรกร) จิตรกรประจำสำนัก

นายสมัครเป็นบุตรคนที่ 4 ในจำนวนพี่น้อง 6 คน ดังนี้
    * พ.อ. (พิเศษ) พ.ญ.มยุรี พลางกูร - อดีตรองผู้อำนวยการ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า
    * นางเยาวมาลย์ ราชวังเมือง - ประกอบธุรกิจส่วนตัว
    * พล.อ.อ.สมมต สุนทรเวช - อดีตที่ปรึกษา ทอ. (ถึงแก่กรรมแล้ว)
    * นายสมัคร สุนทรเวช
    * นายมโนมัย สุนทรเวช - พนักงานรัฐวิสาหกิจ
    * นายสุมิตร สุนทรเวช - นักการเมือง หัวหน้าพรรคประชากรไทย

นายสมัคร สมรสกับ คุณหญิงสุรัตน์ สุนทรเวช ที่ปรึกษาด้านการเงินของบริษัทใน เครือเจริญโภคภัณฑ์ มีบุตรสาวฝาแฝด คือ กานดาภาและกาญจนากร ปัจจุบันสมรสแล้วทั้งคู่ จากการที่ภรรยาทำงานอยู่กับบริษัทเอกชนมาตั้งแต่ พ.ศ. 2505 สถานะการเงินของภรรยาจึงมั่นคงพอที่จะดูแลครอบครัวได้ นายสมัครเลยมิได้ทำงานประจำให้กับหน่วยงานใด และได้ทำงานด้านการเมืองเพียง อย่างเดียว มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2516

สรุปประวัติทางการเมือง
    * พ.ศ. 2511 : เข้าเป็นสมาชิก พรรคประชาธิปัตย์ (พ.ศ. 2511 - 2519)
    * พ.ศ. 2514 : สมาชิกสภาเทศบาลนครกรุงเทพมหานคร (ได้รับเลือกตั้ง เมื่อ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2514)
    * พ.ศ. 2516 : สมาชิกสมัชชาแห่งชาติ (ได้รับแต่งตั้งเมื่อ 10 ธ.ค.16) และ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (ได้รับแต่งตั้งเมื่อ 23 ธ.ค.16)
    * พ.ศ. 2518 : สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร (ม.ค. 2518)
          o พ.ศ. 2518 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
    * พ.ศ. 2519 : สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร (เม.ย. 2519)
          o พ.ศ. 2519 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย
          o พ.ศ. 2519 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (พ.ศ. 2519 - 2520)
    * พ.ศ. 2522 : ก่อตั้งพรรคประชากรไทย และดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค
          o สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร (เม.ย. 2522)
          o ประธานคณะกรรมาธิการการคลัง และสถาบันการเงิน (พ.ศ. 2523 - 2526)
    * พ.ศ. 2526 : สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร (เม.ย. 2526)
          o รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม (พ.ศ. 2526 - 2529)
    * พ.ศ. 2529 : สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร (ก.ค. 2529)
          o ประธานคณะกรรมาธิการการปกครอง (พ.ศ. 2529 - 2531)
    * พ.ศ. 2531 : สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร (ก.ค. 2531)
          o ประธานคณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจ (พ.ศ. 2531 - 2533)
    * พ.ศ. 2533 : รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม (พ.ศ. 2533 - 2534)
    * พ.ศ. 2535 : สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร (มี.ค. 2535) (ก.ย. 2535)
          o ประธานคณะกรรมาธิการการคมนาคม (พ.ศ. 2535 - 2538)
    * พ.ศ. 2538 : สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร (ก.ค. 2538)
    * พ.ศ. 2539 : สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร (พ.ย. 2539)
    * พ.ศ. 2543 : ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (พ.ศ. 2543 - 2547)
    * พ.ศ. 2550 : รับตำแหน่งหัวหน้าพรรคพลังประชาชน (พ.ศ. 2550 - 30 ก.ย. 2551)
    * พ.ศ. 2551 : นายกรัฐมนตรีของประเทศไทย (29 ม.ค.2551 - 9 ก.ย.2551)

กับดัก

กรณีที่ปรากฏเป็นข่าวว่า รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง สุเทพ เทือกสุบรรณ ได้เสนอแผนความมั่นคงของประเทศเข้าสู่ที่ประชุม ครม.ที่ผ่านมา ซึ่งในแผนความมั่นคงดังกล่าวได้ระบุถึงการเตรียมพร้อมที่จะทำสงคราม พร้อมรบ ถึงขนาดจัดทำเป็นคู่มือแจกจ่ายให้กับหน่วยงานความมั่นคงทั้งหมด

ถ้าจริงก็ว้าเหว่

สมมติมีการเสนอแผนดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุม ครม.ไม่ว่าจะเป็นทางการหรือไม่เป็นทางการก็ตาม คนที่คิดเรื่องนี้แย่มาก ความคิดยังห่างไกลความเจริญพอสมควร เพราะแนวคิดการก่อสงคราม เป็นเรื่องที่กำลังถูกต่อต้านจากสังคมโลกที่เจริญแล้ว

แล้วถ้าเกิดสงครามขึ้นมาจริงๆ ถามว่ารัฐบาลชุดนี้จะอยู่ได้ หรือเปล่า ประเทศไทยจะเป็นอย่างไร ไม่พ้นการแทรกแซงจากองค์กรสากล และนำไปสู่การสิ้นชาติเหมือนหลายๆประเทศที่มีแต่ชื่อประเทศมีประชาชนแต่ไม่มีอธิปไตย

ก่อนหน้านี้ก็เคยปรากฏเป็นข่าวว่า รัฐบาลสั่งเตรียมเอฟ-16 ไปจอดที่อู่ตะเภาเพื่อบินขึ้นล็อกตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ขณะที่กำลังขึ้นเครื่องบินส่วนตัวจากกัมพูชาและผ่านน่านฟ้าไทย

ตลกยิ่งกว่าขายหัวเราะ

ความคิดเด็กๆเหล่านี้ไม่น่าจะใช่ยุทธศาสตร์ในการบริหารประเทศ ถ้าจะบริหารงานในฐานะพรรคฝ่ายค้าน หรือพรรคการเมืองธรรมดาพรรคหนึ่งที่ท้าตีท้าต่อยชาวบ้านไปวันๆก็ทำไปเถอะ

เอาใจแฟนละครน้ำเน่า

ชีวิตจริงไม่เหมือนละครทั้งหมด เพราะชีวิตจริงจะอยู่บนความโกหกไม่ได้ตลอดไป วันนี้ห่วงว่าสิ่งที่รัฐบาลดำเนินการอยู่ในขณะนี้จะเป็นกับดักซ้ำซ้อนในการถ่วงความเจริญของประเทศในอนาคต

ใครขึ้นมาเป็นรัฐบาลก็ต้องรับภาระต่อไปไม่มีวันสิ้นสุด แต่ที่จะต้องรับภาระทั้งปีทั้งชาติก็คือประชาชน  หนี้สินที่ก่อขึ้นมาเพื่อตำน้ำพริกละลายแม่น้ำก็หนักหนาสาหัสอยู่แล้ว

กับดักของความชอบธรรมและกฎหมายยังรออยู่ข้างหน้า กรณี พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี นำพยานคดียุบพรรคไทยรักไทยมายืนยันว่าเป็นการใส่ร้ายป้ายสีจากฝีมือของพรรคประชาธิปัตย์ก็น่าคิด การที่ดีเอสไอนำพยานบุคคลสำคัญมาสอบสวนและให้การมัดคดีเงินบริจาคเข้าพรรคประชาธิปัตย์ 258 ล้านบาทก็น่าสนใจ ทุกอย่างปรากฏพยานหลักฐานที่น่าเชื่อถือ และเป็นความผิดที่สามารถยุบพรรคประชาธิปัตย์ได้ทันที

เมื่อมีการร้องเรียนและปรากฏหลักฐานใหม่เกิดขึ้น ขบวนการตรวจสอบก็ต้องทำให้โปร่งใส เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและชอบธรรมขึ้นในสังคมไทย ไม่เช่นนั้นก็จะคาใจกันไม่รู้จบ

เพราะความไม่ชอบธรรม และไม่มีมาตรฐานของสังคม วิกฤติบ้านเมือง จึงยังล่อแหลมอยู่ต่อไป อนาคตอยู่บนเส้นด้าย ความยุติธรรมไม่มี สามัคคีไม่เกิดแน่นอน.


โดย หมัดเหล็ก ไทยรัฐออนไลน์ 20 พฤศจิกายน 2552, 05:00 น.

สุเทพ ปากแข็งยันไม่เสียหน้า กรณี 'ทักษิณ' ประสานขอตัววิศวกรกลับไทย

หลายวันก่อนผมได้ หัวร่องอหาย ขำกลิ้งตกเก้าอี้ไม่เป็นท่า ต่อท่าทีของรัฐบาลที่ แสดงออกผ่านหน้าสื่อว่า จะช่วยวิศวกรคนนี้อย่างเต็มที่ พร้อมแก้ตัวให้แทนสารพัด ว่าไม่ได้ทำผิดอะไร บ้างก็โยนความผิดไปให้มิสเตอร์ผิดตลอด อย่าง ดร.ทักษิณไปโน้น ไม่ต้องมีข่าววงใน ข้อมูลวงนอกใด ๆ ก็ทำให้ชาวบ้านชาวช่องเค้าคิด ว่ารัฐบาลเป็นคนสั่งให้ไปทำ หรือเปล่า ??? ถึงได้ดิ้นรน กุลีกุจอ หาวิธีช่วยอย่างเต็มที่

วันนี้ได้ขำอุจจาระแตก อุจจาระแตนอีกครั้ง เมื่อ นายสุเทพออกมาบอกว่า ไม่เสียหน้า ที่ดร.ทักษิณ ประสานงานช่วยเหลือวิศกรคนนี้ ความผิดทุกชนิดที่คุณคิดออก คุณโยนให้เค้า คำก็นักโทษหนีคดี สองคำก็จะจับกลับมาดำเนินคดี พอเค้าช่วยเหลือ คุณบอกไม่เสียหน้า ถ้าเป็นคนอื่นทำ ผมว่าเค้าหน้าด้านนะ ไร้ศักดิ์ศรี เอ.. หรือว่ามันหมดไปนานแล้วก็ไม่แน่ใจนัก ศักดิ์ศรีน่ะ

จาตุรนต์รุกกกต. ยุบปชป. ทวงคืนยุติธรรม

อดีต รักษาการหัวหน้า ทรท. จี้ กกต.สอบเอาผิดยุบปชป. ใช้พยานเท็จใส่ร้ายยุบ ทรท.  เตรียมนัดสมาชิกบ้านเลขที่ 111 หารือทวงสิทธิ หลังพยานแฉความจริง  ขณะที่ ทีมกม.คดียุบพรรคชี้ปชป.เข้าข่ายถูกยุบพรรคชัดแจ้ง

เมื่อวันที่ 17 พ.ย. นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีต รักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย สมาชิกบ้านเลขที่ 111 กล่าวกรณี พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี สมาชิกพรรคเพื่อไทย ออกมาเรียกร้องให้อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยออกมาทวงสิทธิของตัวเอง หลังจากพยานในคดียุบพรรคออกมาเปิดโปงข้อเท็จจริง ว่า เราทราบมาตั้งแต่การพิจารณาคดียุบพรรคไทยรักไทยแล้วว่าพยานถูกบีบคั้น เกลี้ยกล่อม จนกล่าวให้โทษพรรคไทยรักไทย และขณะนั้นกระบวนการพิจารณาไม่ค่อยให้โอกาสฝ่ายที่ได้รับโทษ ตุลาการรัฐธรรมนูญก็มีธงชัดเจนจากคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.)  ผลที่ออกมาจึงมีมติเอกฉันท์ให้ยุบพรรคไทยรักไทย จากที่ได้รับฟังพยานทั้ง 2 คน ล่าสุด เห็นว่าน่าจะพูดความจริง ดังนั้นนอกจากพรรคไทยรักไทยจะไม่ผิดแล้ว พรรคประชาธิปัตย์จะต้องถูกยุบด้วย

นายจาตุรนต์ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม  ไม่แน่ใจว่ากระบวนการที่มีอยู่ในปัจจุบันจะทำได้มากน้อยเพียงใด ยอมรับว่าการกลับไปแก้ไขคำพิพากษาของพรรคไทยรักไทยค่อนข้างยาก แต่ถ้าพุ่งเป้าเอาผิดพรรคประชาธิปัตย์ยังเป็นไปได้มากกว่า เพราะพบหลักฐานใหม่แม้จะเกิดขึ้นนานแล้ว หาก คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) สนใจเอาเรื่องอย่างจริงจัง ก็จะทำให้พรรคประชาธิปัตย์ตกที่นั่งลำบาก แต่จะหวังให้กกต.มาเอาเรื่องก็ไม่ง่ายเหมือนกันเนื่องจากมี ที่มาจากคมช. ก็ได้แต่หวังว่ากกต.จะเห็นแก่บ้านเมืองควรที่จะรับข้อมูลไปสอบสวนเพิ่มเติม

สมาชิกบ้านเลขที่ 111 กล่าวด้วยว่า  กรณีที่เกิดขึ้นสมาชิกบ้านเลขที่ 111 บางส่วนต้องมาคุยกันเพิ่มเติม ที่ผ่านมา ไม่ได้เน้นเรื่องการเรียกร้องสิทธิกลับคืน แต่เมื่อมีข้อเท็จจริงเช่นนี้เกิดขึ้น ก็น่าจะมาคุยกันว่าควรทำอะไรได้บ้าง เพื่อให้ความยุติธรรมกลับคืนมา  อย่างไรก็ตามการกระทำใดๆไม่อยากให้กระทบกระเทือนต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือการนำระบอบประชาธิปไตยกับคืนมา ส่วนตัวคิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นความไม่ยุติธรรม การใช้พยานเท็จตัดสินยุบพรรคไทยรักไทย ตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรค การใช้กฎหมายเผด็จการย้อนหลัง เหล่านี้เป็นสิ่งที่ทำให้ระบบยุติธรรมไทยไม่น่าเชื่อถือ และจะประจานความไม่ยุติธรรมเรื่อยไป ทางออกคือต้องมาสังคายนากันใหม่ แก้รัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง นำระบบที่ยุติธรรมกลับคืนมา

ด้าน นายวิชิต ปลั่งศรีสกุล อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย และทีมกฎหมายต่อสู้คดียุบพรรคไทยรักไทย กล่าวว่า  ประเด็นพยาน 2 คน ที่ออกมาแถลงข่าวเปิดเผยข้อเท็จจริงมีอยู่ในสำนวนอยู่แล้ว เพียงแต่ขณะนั้นทั้ง 2 คนยังไม่เปิดเผยความจริง เมื่อวันนี้ออกมายอมรับก็สอดรับสนับสนุนกับพยานอีก 3 ปากในคดีดังกล่าว ที่เชื่อมโยงไปถึงพรรคประชาธิปัตย์ ดังนั้นพรรคประชาธิปัตย์ก็สมควรถูกยุบพรรค เพราะพยานปากสำคัญที่ตุลาการรัฐธรรมนูญให้น้ำหนักในคดียุบพรรคไทยรักไทยทั้ง 2 คน วันนี้มาพูดชัดเจนว่าใครเป็นตัวการที่แท้จริง การกระทำของพรรคประชาธิปัตย์ถือเป็นการจงใจใส่ร้าย ป้ายสี ผิดกฎหมายเลือกตั้งส.ส. ส.ว.อย่างชัดแจ้ง เข้าข่ายถูกยุบพรรค กกต.สามารถดำเนินการได้เลยทันที ส่วนสมาชิกบ้านเลขที่ 111 จะเรียกร้องอย่างไรต่อไป ถือเป็นสิทธิของแต่ละคน แต่ตนคงไม่ดำเนินการอื่นใด เพราะไม่ยอมรับคำวินิจฉัยของตุลาการรัฐธรรมนูญตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว เนื่องจากใช้กฎหมายย้อนหลัง ตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรคโดยขัดหลักกฎหมายสากล เรื่องนี้ประชาชนตัดสินได้


โดย ทีมข่าวการเมือง ไทยรัฐออนไลน์
17 พฤศจิกายน 2552, 22:01 น.

รวมวาทะเด็ด จากสมเด็จฯฮุนเซน

กลายเป็นมวยถูกคู่ไปได้อย่างไม่น่าเชื่อ ระหว่างเด็กดื้อ ศิษย์หลายเสา กับฮุนเซน พระวิหารยิม เมื่อฝ่ายแรกเปิดฉากรัวหมัดใส่อย่างไม่ยั้ง ราวกับว่าโกรธแค้นกันมาแต่ชาติปางไหน

แต่พอฝ่ายหลังตั้งหลักได้ เท่านั้นแหละมาร์คเอ๊ย เรียกว่าเห็นดาว เห็นเดือน เห็นตะวันกันเลยทีเดียว ไม่เชื่อก็ตามมาดูบทสัมภาษณ์ เฉพาะเนื้อๆเน้นๆ ที่คัดจากมติชนออนไลน์ เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน ก็แล้วกัน

"ผมขอประกาศชัดๆ ให้คนไทยรู้ว่าเรื่องนี้รัฐบาลไทยมาหาเรื่องกัมพูชา"

"เรื่องที่เกิดขึ้นในความสัมพันธ์ระหว่างไทย-กัมพูชานี้ เป็นปัญหาระหว่างผมกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีไทยในปัจจุบันโดยแท้ ..ก่อนที่จะพูดขอให้ศึกษาหาความรู้ให้มากกว่านี้เพราะตอนที่ผมเริ่มทำงานการเมืองนั้นนายกรัฐมนตรีไทยยังเป็นเพียงเด็กวิ่งเล่นอยู่เลย"

"อยากปิดก็ขอให้ปิดไปเลย..เพราะกัมพูชาก็จะปิดเช่นกันและปิดทางด้านเศรษฐกิจด้วย ..สั่งห้ามสินค้าไทยทั้งหมดข้ามแดนเข้ามายังตลาดกัมพูชา แม้แต่หมูเพียงตัวเดียว จะไม่ให้ข้ามเข้ามา"

"เรื่องการแต่งตั้งอดีตนายกรัฐมนตรีไทยมาเป็นที่ปรึกษานั้น ผมขอประกาศชัดๆ ให้คนไทยรู้ว่าเรื่องนี้รัฐบาลนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ มาหาเรื่องกัมพูชา .. ผมจะบอกให้ว่า จริงๆแล้วปฏิกิริยาของคนไทยที่แท้จริงเป็นอย่างไร คือพวกเสื้อแดงสนับสนุนการแต่งตั้ง พวกเสื้อเหลืองโกรธและประท้วงคัดค้าน และยังมีกลุ่มที่สบายใจโดยอยู่เฉยๆ เงียบๆ อีกด้วยต่างหาก"

"หากทักษิณมาพำนักอยู่ในกัมพูชา นายกรัฐมนตรีไทยจะกลัวอะไรกันนักกันหนา ทักษิณไปมาแล้วทั่วโลกไม่เห็นทำอะไร ไปศรีลังกา ล่าสุด ก็ยังไม่เห็นได้ทำอะไรเลย แต่พอบอกว่าจะมากัมพูชาก็หาเรื่องกัมพูชา"

"อยากรู้นักว่าใครเป็นเบี้ยของใครกันแน่ อภิสิทธิ์ตกเป็นเครื่องมือของทักษิณเอง เพราะเมื่อทักษิณเปิดตัวเข้ามา อภิสิทธิ์ก็กระโดดออกมาตอบโต้โดยไม่คิดอะไรเลยและไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของ ชาติเลย"

"สมัยนครวัดนั้นประเทศไทยอยู่ที่ไหนกัน อ้างว่ากัมพูชามายึดครองบุกรุกดินแดนไทยนั้น กัมพูชาจะไปยึดดินแดนไทยได้อย่างไร ศึกษาประวัติศาสตร์เสียให้ดีว่า ใครรุกรานใครกันแน่"

"ผมจึงถือโอกาสนี้ร้องขอให้พี่น้องเสื้อแดงและ พรรคเพื่อไทยเสียสละอนุญาตให้ผมนำท่านทักษิณ มาช่วยกัมพูชาในเรื่องเศรษฐกิจบ้างด้วยแล้วกัน"

"ในเมื่อเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับทักษิณก็ต้องไล่แก้ตั้งแต่ทักษิณมาเลย ตั้งแต่เรื่องการปฏิวัติ เมื่อ 19 กันยายน 2549"

"ถ้าอภิสิทธิ์เก่งจริงก็ขอให้เลือกตั้งใหม่สิ ท่านกลัวอะไรหรือ หรือว่ากลัวที่จะไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีหรืออย่างไร หรือว่ากลัวว่าพรรคเพื่อไทยจะชนะการเลือกตั้ง"

"ผมเองเป็นนายกรัฐมนตรีกัมพูชาได้รับเสียงสนับสนุนถึง 2/3 ของสภากัมพูชา แล้ว ท่านอภิสิทธิ์ได้รับเท่าไหร่กันหรือ ขโมยเก้าอี้เขามานั่ง ขโมยของของคนอื่น มาเป็นของตัวเองจะให้เคารพได้อย่างไร"

"อภิสิทธิ์มีปัญหาท่วมตัวอยู่แล้ว อาจตายได้..ทักษิณเป็นเพื่อนของผม เพื่อนไม่สามารถหักหลังเพื่อนได้ ไม่สามารถโยนเพื่อนให้เสือกินได้หรอก"

"อยากฉีกอะไรทิ้งก็ฉีกไปเลย อยากปิดอะไรก็ปิดไปเถิด เพราะถ้าเปิดคงจะไม่สะดวกแล้ว เห็นทีต้องถอนกำลังทหาร 911 (หน่วยรบพิเศษ) ของกัมพูชาออกภายในหนึ่งสัปดาห์ดีกว่า เพราะว่าใช้กำลังเพียงนิดๆ หน่อยก็พอ (ที่จะสู้กับไทย) แล้ว"

"รองนายกรัฐมนตรีสุเทพของไทยได้ขอ ว่า ให้ช่วยจับทักษิณส่งตัวไปประเทศไทยได้หรือไม่ เรื่องนี้ผมทำไม่ได้หรอก ถ้าผมทำเช่นนั้นก็ถือเป็น กบฏต่อมิตร"

"ขอร้องให้พี่น้อง ประชาชน-ตำรวจ-ทหารไทย ทราบว่าคนที่คุณๆ ทั้งหลายต่อว่าอยู่นั้นเป็นผู้ที่ชนะการเลือกตั้งมาแล้วทั้งนั้น ผมเคารพอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ผมจึงช่วยเขา มีแต่อภิสิทธิ์เท่านั้นที่จงเกลียดจงชังคนเหล่านั้น"

"ไทยก็ยังสนับสนุนให้เขมรแดงทำการสู้รบกับรัฐบาลที่ถูกกฎหมาย แล้วให้พวกเขมรแดงไปอยู่ประเทศไทย ไทยให้อยู่ในดินแดนไทยได้อย่างไร เรายังไม่ทำเช่นนั้นเลย ถ้าทักษิณตั้งกองกำลังอยู่ในดินแดนกัมพูชาจะว่าอย่างไรบ้างล่ะ ..ลงนามไม่สนับสนุนเขมรแดง ลงนามสันติภาพ แต่ก็ยังละเมิดหลายอย่าง ขอให้คนไทยดูไว้กฎหมายระหว่างประเทศยังไม่เคารพเลย จะให้เราเคารพกฎหมายไทยได้อย่างไร"


จากคุณ tnmcfc พันธ์ทิพย์ ราชดำเนิน

ไม่ยอมรับความจริง

การหยิบยกข้อมูลมาวิพากษ์วิจารณ์และพาดพิงถึงผู้อื่นหรือผลประโยชน์ของประเทศ ทำให้เกิดความเสียหายนั้น ในสังคมที่ไม่ค่อยพัฒนา จะไม่คำนึงถึงเรื่องเหล่านี้เท่าไหร่นัก ข้อเท็จจริงจะผิดจะถูกไม่เป็นไร ทำให้สังคมเห็นดีเห็นงามด้วยเป็นพอ

เป็นสังคมแห่งการสร้างภาพ

พูดกันอย่างตรงไปตรงมา นโยบายไทยเข้มแข็ง โครงการเศรษฐกิจชุมชนพอเพียง  ฉาวโฉ่จนเข้าขั้นโคม่าขนาดนี้ ปรากฏความผิดชัดเจน  อะไรไม่ว่าโครงการที่ทุจริตก็เป็นโครงการที่ต้องไปกู้เงินมาทำโครงการถึง 8 แสนล้าน

รัฐบาลก็ยังลอยนวล

นักประท้วงที่บอกว่าจะออกมา ต่อต้านการทุจริตคอรัปชัน ก็แกล้งทำเป็นไม่เห็นเอาดื้อๆ เลยเสื่อมความนิยมไปทันตาเห็น สมมุติถ้าเกิดขึ้นในรัฐบาลชุดที่แล้วๆมา พัวพันถึงบุคคลสำคัญในรัฐบาล

น่าจะรอดยาก

สังคมไทยก็แปลก เหมือนสังคมตาบอดสี การบิดเบือนข้อมูลสารพัดวิชามาร หรือการปั้นน้ำเป็นตัว ดีใส่ตัวชั่วใส่คนอื่น ตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จ มักจะเกิดขึ้นในรัฐบาลใดต้องไปค้นข่าวเก่าๆดู

ประเทศไทยหลังชนฝาจนขนาดนี้ ก็ยังดำดินไปโทษคนโน้นคนนี้ได้ลงคอ เหตุที่ผู้นำเขมรไม่พอใจรัฐบาลชุดนี้ ขอย้ำว่าเฉพาะรัฐบาลชุดนี้ เพราะอะไรเพราะใคร ไม่จำเป็นต้องอธิบายให้เมื่อยตุ้ม

กรณีอ้างว่าทั้ง ทักษิณ-ฮุน เซน-บิ๊กจิ๋ว ได้ผลประโยชน์ร่วมกันในการหาเรื่องไทยครั้งนี้  เพราะเรื่องทำนองนี้เกิดขึ้นหลังบิ๊กจิ๋ว ไปเยือนกัมพูชา

กำปั้นทุบดิน

โน่นอ้างไปถึงการทำธุรกิจร่วมกัน อาศัยการบิดเบือนข้อมูล บริษัทชินคอร์ปและครอบครัวชินวัตร ขายหุ้นมูลค่า 7 หมื่น 3 พันล้าน ให้กับกองทุนเทมาเส็กเมื่อวันที่ 23 ม.ค. 2549 เป็นการขายหุ้นหลังจาก พ.ต.ท.ทักษิณแก้ไข พ.ร.บ.ประกอบกิจการโทรคมนาคม ให้บริษัทคนต่างด้าวถือหุ้นในบริษัทกิจการโทรคมนาคมจาก

ร้อยละ 25 เป็นร้อยละ 49

ดูเหมือนจะเข้าเค้า แต่ถ้าพิจารณาให้ดีชินคอร์ปไม่ได้เป็นผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคมตาม พ.ร.บ.ดังกล่าว และไม่ได้เป็นเจ้าของสัมปทานดาวเทียม การถือหุ้นของชินคอร์ปมีสัดส่วน 49.99 มาตั้งแต่ปี 2542 แต่การแก้ไขกฎหมายมาทำในปี 2543 ถ้าจำไม่ผิดเป็นสมัยรัฐบาลนายกฯชวนด้วยซ้ำ

ในปี 2546 บริษัทกิจการโทรคมนาคม ทีทีแอนด์ที ดีแทค และทรู ได้ผลักดันให้กระทรวงคมนาคมแก้ไขสัดส่วนต่างๆ สมัยนั้นยังไม่แยกไปเป็นกระทรวงไอซีที ฟังดูแล้วเหมือนจะเป็นเรื่องเดียวกัน แต่ถ้าเจาะลึกลงไปก็จะเห็นการบิดข้อมูลเอามาเป็นประโยชน์ ประชาชนก็เลยได้ข้อมูลข่าวสารที่ผิดๆไป

มองเห็นกงจักรเป็นดอกบัว.


โดย หมัดเหล็ก คอลัมน์คาบลูกคาบดอก
ไทยรัฐออนไลน์ 17 พฤศจิกายน 2552, 05:00 น.

คลิป เปิดตัวพยาน 2 ปากเอก ให้การเท็จยุบ ไทยรักไทย



แฉ“สุเทพ”ปั้นพยานเท็จทำลาย ทรท.


วันนี้(16พ.ย.)ที่โรงแรมเรดิสัน ถนนพระราม9 พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี นายทหารนอกราชการ นำนายสุขสรรค์ ชัยเทพ  และนายเชาวการ โตสวัสดิ์ พยานในคดียุบพรรคไทยรักไทย เปิดแถลงข่าวแฉ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง กรณีจ้างวานเป็นเงิน 15 ล้านบาท เพื่อให้เป็นพยานและให้การเท็จต่อ กกต. อัยการสูงสุด และศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวหาพรรคไทยรักไทยจนถูกคำสั่งยุบพรรค โดยทั้งสองระบุว่า ถูกนายสุเทพ จ้างวานแกมบังคับอ้างว่าให้ทำเพื่อชาติแล้วจะดูแลความปลอดภัยและไม่ให้ถูกดำเนินคดี
ด้าน พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า หลังจากนี้จะพาบุคคลทั้งสองเข้าพบหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับผู้ได้รับผลกระทบในคดีดังกล่าวต่อไป

ที่มา เดลินิวส์
วันจันทร์ ที่ 16 พฤศจิกายน 2552 เวลา 13:48 น

ผลงานลับลวงพราง

แปลกใจว่า แทนที่จะขับไล่ทักษิณออกจากประเทศไทยไปแล้ว ประเทศไทย จะดีขึ้น กลับแย่ลงทั้งเศรษฐกิจ การเมืองและสังคม มีความแตกต่างที่เห็นชัด เพราะฉะนั้นยิ่งจะดิ้นล้มคนคนเดียว มากขึ้นเท่าไร ก็ยิ่งจะทำให้ประเทศไทยเข้าใกล้คำว่าหายนะเข้าไปทุกที

การวิพากษ์วิจารณ์อะไรตรงไปตรงมา แม้จะมีเหตุผลมีการพิสูจน์ได้ด้วยข้อเท็จจริง แต่กลับถูกมองว่าเป็นข้างโน้นข้างนี้ จะต้องเข้าข้างใดข้างหนึ่ง จะต้องประจบสอพลอ ถึงจะเป็นคนดี ถ้าเข้าข้างนั้นก็จะเป็นถูก ถ้าเข้าข้างนี้เป็นคนเลว

ปัญหาเลยเกินเยียวยา

ความนิยมในตัวผู้นำประเทศไหนก็มีกันทั้งนั้น แต่ไม่ใช่ ผูกขาด ทำดีคะแนนนิยมก็ขึ้น ดำเนินนโยบายผิดพลาดคะแนนก็ตก  เช่นเดียวกัน  ความรักชาติก็ไม่ใช่ว่า  จะต้องใส่เสื้อสีนี้จึงจะรักชาติ ใส่เสื้อสีนั้นจะต้องไม่รักชาติ ถ้าคนกลุ่มนี้ถึงจะรักชาติ คนกลุ่มโน้นไม่รักชาติ

พยายามจะผูกขาดความรักชาติเอาไว้คนเดียว

ถ้าติดตามข้อเขียนผมมาโดยตลอดจะเข้าใจสิ่งเหล่านี้ ผมเคยดักคอว่า ระวังระบบการเมืองจะพัง ระวังกลไกประเทศจะเดินไม่ได้ ระวังจะตกเป็นเหยื่อ ซึ่งจะมีแต่การต่อรองเรื่องของผลประโยชน์ การเมืองจะอ่อนแอ ยึดประโยชน์ส่วนตัวมากกว่าประโยชน์ประชาชน

วันนี้สถานการณ์กำลังเป็นอย่างนั้นจริงๆ สภาล่มแล้วล่มอีก ส.ส.-ส.ว.แบ่งข้างอยู่กันอย่างศัตรูคู่อาฆาต ไม่ใช่ตัวแทนประชาชนอีกต่อไป แต่เป็นตัวแทนขั้วอำนาจ เพราะฉะนั้น บรรยากาศการประชุมในสภา  จึงไม่ใช่การทำหน้าที่ของตัวแทนประชาชน  ต่อไปนี้จะมีการถ่ายทอดสดการประชุมสภาก็ควรจะมีการจัดเรตติ้ง มีคำเตือนสำหรับเด็กและเยาวชน ไม่ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง

ประเทศไทยจะอยู่กันอย่างไร

ไปกันน้ำขุ่นๆเหมือนใกล้จะเสียกรุง มีอะไรก็รีบฉกฉวยเอาเป็นของตัวเอง ในยามที่เกิดวิกฤติสองเด้งสามเด้งอย่างนี้ ยังมีการเสนอขึ้นเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งของ ส.ส.และ ส.ว.กันหน้าตาเฉย

พฤติกรรมปัจจุบันควรจะขอขึ้นเงินเดือนตัวเองหรือไม่ อย่างไร ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณ จะผลาญงบประมาณกันอย่างไร จะกู้ยืมเงินมาอย่างไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ และกลับทำให้เครดิตประเทศลดลง ก็ว่ากันตามสะดวก

แต่ระบอบการปกครองประเทศที่ล้มเหลว เป็นแก่นแท้ของปัญหา ไม่มีใครฟังใคร ไม่มีกรรมการ ไม่มีผู้ใหญ่ ไม่มีเด็ก มือใครยาวสาวได้สาวเอา ผมเคยพูดไว้นานแล้วว่า จะสิ้นชาติ และวันนี้กำลังเดินไปสู่หนทางนั้น จะร้องเพลงชาติไทยยังคนละคีย์ ศัตรูประชิดทุกด้าน

ระวังจะสิ้นชาติจริงๆ.


โดย หมัดเหล็ก คอลัมน์คาบลูกคาบดอก
ไทยรัฐออนไลน์ 16 พฤศจิกายน 2552

บันทึกเทป ดร.ทักษิณ บรรยายที่กัมพูชา 12 พ.ย. 2552

เทปบันทึกภาพพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในฐานะที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจ รัฐบาลกัมพูชา
บรรยายหัวข้อ "กัมพูชาและโลกหลังภาวะวิกฤตเศรษฐกิจ"
เมื่อวันที่ 12 พ.ย.ที่ผ่านมา ที่กระทรวงการคลัง กัมพูชา

ตอนที่ 1



ตอนที่ 2

เพื่อนร่วมร้อง พี่น้องร่วมรบ "โบนันซ่า เขาใหญ่"



มองมุมกลับ

การชุมนุมของพันธมิตรฯในวันพรุ่งนี้  มีสองนัยสำคัญ  ประท้วงกัมพูชา แสดงความรักชาติ และต่อต้านทักษิณ ก็เผอิญสอดคล้อง เป็นแนวทางเดียวกับรัฐบาล ที่มีจุดยืนเรื่องนี้ร่วมกันมาตั้งนานแล้ว ใครว่าพรรคการเมืองใหม่กับพรรคประชาธิปัตย์ขัดคอกัน น่าจะเป็นภาพลวงตามากกว่า

ก็เลยมีการจับตาว่ารัฐบาลจะกระเหี้ยนกระหือรือรับมือคนเสื้อเหลืองอย่างไร รัฐบาลตำรวจก็เนือยๆ รอให้มีเหตุการณ์ร้ายแรงก่อนค่อยประกาศกฎหมายฉุกเฉิน ต่างจากตอนเสื้อแดงชุมนุมเป็นหน้ามือกับหลังมือ

ตรงนี้กระมังที่ทำให้เกิดความข้องใจว่ารัฐบาลนี้เป็นนิติรัฐหรือไม่ มีมาตรฐานในการบังคับใช้กฎหมายอย่างไร เห็นความแตกต่างที่ชัดเจนขึ้นทุกวัน ก็อย่างที่บอก ลองไปอ่านบทสัมภาษณ์ของฮุน เซนดู ยิ่งกว่าฝ่ายค้านอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯและรัฐบาลซะอีก รู้ลึกรู้จริงรู้ว่าคนไทยใส่เสื้อกี่สี รู้ถึงที่มาที่ไปของรัฐบาลชุดนี้ด้วยซ้ำ

เพราะฉะนั้น การแสดงออกของนายกฯกัมพูชาจึงค่อนข้างที่จะเสียดสี นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และรัฐบาลชุดนี้โดยเฉพาะ ไม่แตะต้องคนไทย ไม่แตะต้องสถาบัน อะไรที่ไม่โปร่งใสก็ไม่โปร่งใส วันยังค่ำ นักโทษการเมืองที่หนีคดีไปอยู่กัมพูชาก็หลายคน รัฐบาลไม่เคยแม้แต่จะคิดที่จะขอตัวคนเหล่านี้มาลงโทษ แต่ถ้าเป็นทักษิณ ต้องทุบ เลยเป็นที่คาใจ

ปิดสนามบิน ยึดทำเนียบไม่มีประเทศไหนในโลกเขาทำกัน มีแต่บ้านเรา ที่สำคัญก็คือ ทำแล้วยังลอยนวลอยู่ได้ ลอยนวลก็ไม่เท่าไหร่ ยังได้รับการสมนาบุญคุณอีกเพียบ ยังได้ปูนบำเหน็จเป็นรัฐมนตรี สุดจะบรรยาย

หลายประเทศจับตาอยู่กับการเมืองในบ้านเรา เพียงแต่ไม่ แสดงออก เนื่องจากรักษามรรยาทสากลเอาไว้ ที่เขาสงสัยก็คือ เราปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยจริงหรือ ผู้นำต่างประเทศที่ไม่ได้เข้าร่วมพิธีเปิดการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่ผ่านมา รัฐบาลน่าจะรู้ อยู่เต็มอกว่าเป็นเพราะอะไร ไม่อยากเอามะพร้าวห้าวมาขายสวน เพียงเขาต้องการรักษาหน้าประเทศเจ้าภาพ และไม่อยากให้มองว่ากลุ่มประเทศอาเซียนแตกแยก

การตัดสินใจบางอย่างของรัฐบาลดูจะเด็กเกินไป ใช้อารมณ์ เกินไป   อ่านบทสัมภาษณ์  คุณสุรเกียรติ์  เสถียรไทย  อดีต  รมว.ต่างประเทศ แล้วจะเห็นว่ามุมมองระหว่างมืออาชีพกับมือใหม่ต่างกันอย่างไร การทบทวน MOU ไม่ใช่เรื่องเล็ก เพราะหมายถึงผลประโยชน์ของประชาชนทั้งประเทศ มีมาตรการอื่นตั้งเยอะ

แค่พื้นที่ทับซ้อนตามไหล่ทวีป แบ่งเป็น 3 โซน ฝั่งไทยตรงกลาง และฝั่งกัมพูชา ฝั่งไทยมีน้ำมันน้อยที่สุด ตรงกลางมีน้ำมันพอสมควร ฝั่งกัมพูชามีน้ำมันมากที่สุด โดยรวมก็คือ ฝั่งเราประเทศเราได้ร้อยละ 60 ตรงกลางคนละครึ่ง ฝั่งกัมพูชา ประเทศกัมพูชาได้ร้อยละ 60 เราได้ 40

ถ้ายกเลิกกัมพูชาก็คงไม่เดือดร้อน คนที่เดือดร้อนน่าจะเป็นเราต่างหาก เกมการเมืองที่เล่นกันเกินจริง เอะอะก็รักชาติ ยังมามั่วดึงสถาบัน ดึงประเทศ ดึงประชาชนไปร่วมขบวนการรักชาติอยู่คนเดียวด้วย.


โดย หมัดเหล็ก คอลัมน์ คาบลูกคาบดอก 
ไทยรัฐออนไลน์ 14 พฤศจิกายน 2552, 05:00 น.

หมีหน้าฮ๊าก

หมีหน้าฮ๊าก (Hme na hag) บทเพลงจาก nakaramusic

เด็ก กับ ผู้ใหญ่

ระหว่าง...อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กับ สมเด็จฯ ฮุน เซนนั้น...ถึงจะเป็นนายกรัฐมนตรีเหมือนกัน แต่มีความแตกต่างกันมากมาย13 ขวบจับอาวุธเป็นทหาร..อยู่ในสงครามอย่างยาวนาน..ได้รับเหรียญกล้าหาญ..และผ่านการบาดเจ็บล้มตายจนได้มาเป็นนายกรัฐมนตรี..ยั่งยืนยาวนานหลายสิบปี...นั่นคือ นายกรัฐมนตรี ฮุน เซนอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ...เป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกของพรรคประชาธิปัตย์..ที่เกิดจากการผสมเทียมจากห้องคลอดในเขตที่แขวนป้ายว่า.....“เขตทหารห้ามเข้า”ทำให้เขา อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ...ถูกเยาะเย้ยถากถาง...อย่างน้อยจากคน 2 ชาติ...พร้อมๆ กัน..

ริชาร์ด ลอยด์ เพอรี่จาก ไทม์ ออนไลน์.. กล่าวว่า...
สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยเวลานี้ ถือเป็นสัญญาณอันตรายต่อความเป็นประชาธิปไตยในสังคมไทยและถือเป็นความเจ็บปวดมากยิ่งขึ้น เมื่อความจริงอันน่ารังเกียจเหล่านี้มาเกิดขึ้นภายใต้การนำของ นายอภิสิทธิ์ชายผู้ซึ่งได้ชื่อว่า มีความชาญฉลาดมีความสามารถและมีคุณสมบัติที่ดีครบถ้วนทุกประการ ยกเว้นเพียงอย่างเดียว คือ ความถูกต้องชอบธรรมตามหลักประชาธิปไตย

สมเด็จฯ ฮุน เซน..ก็ใช่ย่อย...
อภิสิทธิ์ เตือนผมว่าอย่าเป็นเบี้ยในหมากเกมของทักษิณนั้น เราไม่ได้เป็นเครื่องมือของใคร อยากรู้นักใครเป็นเบี้ยของใครกันแน่ อภิสิทธิ์ตกเป็นเครื่องมือของทักษิณเอง เพราะเมื่อทักษิณเปิดตัวเข้ามา อภิสิทธิ์ก็ออกมาตอบโต้โดยไม่คิดอะไรเลย ไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของชาติเลย แถลงมาจากโตเกียวเรื่องการยกเลิกเอ็มโอยู

อีกประโยค....
ถ้าอภิสิทธิ์เก่งจริงก็ขอให้เลือกตั้งใหม่ซิ ท่านกลัวอะไรหรือหรือว่ากลัวที่จะไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีหรืออย่างไร หรือว่ากลัวว่าพรรคเพื่อไทยจะชนะการเลือกตั้ง
ผมเป็นนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้รับเสียงสนับสนุนถึง 2 ใน3 ของสภากัมพูชา แล้วท่านอภิสิทธิ์ ได้รับเท่าไหร่กันหรือขโมยเก้าอี้เขามานั่ง ขโมยของคนอื่นมาเป็นของตัวเอง จะให้เคารพได้อย่างไร

ว่ากันว่า...ความจริงนั้นน่ากลัวอย่างยิ่ง...ความจริงเป็นสุดยอดแห่งการทำลายล้าง....คงยากมากลำบากมากที่..อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ...จะโต้กลับหรือปฏิเสธ..ในถ้อยคำที่เยาะเย้ยถากถาง..
จะมีก็แต่ทารกเท่านั้น..ที่ไร้เดียงสาต่อคำเย้ยหยัน...เช่นนี้


โดย พญาไม้ บางกอกทูเดย์ 13 พฤศจิกายน 2552 18:32น.

สมเด็จฮุนเซนเปิดบ้านต้อนรับ พ.ต.ท.ทักษิณ

สมเด็จฮุน เซนยืนยันไม่ส่งตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ให้ทางการไทย

กรณีศึกษาผลกระทบลับลวงพราง

ท่าทีที่ชัดเจนของประเทศกัมพูชา ของ สมเด็จฮุน เซน นายกฯกัมพูชา ต่อกรณีอาการยินดีต้อนรับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่รัฐบาลไทยให้สถานะว่าเป็นนักโทษหนีคดี อย่างเป็นทางการและเปิดเผยไม่จำเป็นต้องไปอธิบายความอะไรไปมากกว่านี้

ชัดเจน

รัฐบาลไทยจะทำอย่างไร นี่คือโจทย์ที่ยากกว่า แล้วระหว่างความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศกับภารกิจไล่ล่าของรัฐบาลชุดนี้กับการเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่จ่อคอหอยรัฐบาลเข้าไปทุกขณะ

จะหาทางลงอย่างไร

ความละเอียดอ่อนของปัญหาไม่ธรรมดา เช่นเดียวกับปัญหาใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ระหว่างความเปลี่ยนแปลงรูปแบบการปกครองที่จะเกิดขึ้นบนสถานะของความเป็นจริงและนำไปสู่การเจรจาอย่างสันติ กับการที่คนไทยต้องมาฆ่ากันเองรายวันกับอธิปไตยของประเทศ รัฐบาลจะเลือกเอาทางไหน

จะตัดสินใจแก้ปัญหาหรือปล่อยคาราคาซัง

ถ้าผู้นำหนีปัญหาก็ไม่ใช่ผู้นำที่ดี   ถ้าผู้นำรับรู้ปัญหาแล้วไม่กล้าแก้ไขก็ยิ่งจะทำร้ายประเทศ จริงเท็จประการใดไม่ทราบ วันที่นายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เดินทางไปเยือนประเทศมาเลเซียอย่างเป็นทางการ ได้หยิบยกปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มาเจรจา นายกฯ นาจิบ ราซัค ของมาเลเซียได้เชิญหัวหน้ากลุ่มก่อการร้ายมาพบนายกฯอภิสิทธิ์โดยตรง มีการพูดถึงเงื่อนไขบางอย่างที่นายกฯอภิสิทธิ์ก็ตอบไม่ได้ จึงยังไม่มีคำตอบมาจนถึงวันนี้ และมีความเห็นบางอย่างจากนายกฯมาเลเซียถึงคำแนะนำในการแก้ปัญหาภาคใต้ที่ทางมาเลเซียก็ไม่ค่อยสบายใจคำแนะนำนั้นแนวทางคล้ายๆกับที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ นำเสนอซะด้วย

ข้อนี้นายกฯน่าจะตอบได้ดีที่สุด

พลาดหรือไม่ที่ประชาธิปัตย์เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล พลาดหรือไม่ที่เอาคุณอภิสิทธิ์ เป็นนายกฯ  พลาดหรือไม่ที่เอาคุณกษิต ภิรมย์ เป็น รมว.ต่างประเทศ พลาดหรือไม่ที่เอาคุณกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ  เป็นรองนายกฯคุมเศรษฐกิจ  และพลาดหรือไม่ที่เอาคุณสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นรองนายกฯฝ่ายความมั่นคง

เจ้าของแผนบันไดสี่ขั้นต้องคิดหนัก

ระหว่างหวยบนดินกับ เจ้ามือหวยใต้ดิน ระหว่าง การแก้ รัฐธรรมนูญกับ อำนาจในกองทัพ ระหว่างการดำเนินคดีกับกลุ่มพันธมิตรฯ และ บุญคุณที่ต้องตอบแทน ระบบรัฐสภาล่มแล้วล่มอีก รัฐบาลทำงานไม่เต็มก้น เป็นเพราะกับดักที่วางเอาไว้ทั้งนั้น

คือเงื่อนไขที่เป็นเงื่อนปมมัดคอตัวเอง

ประเทศไทยเริ่มจะถอยหลังลงคลองเพราะบ้านเมืองไม่มีกฎเกณฑ์กติกาและกฎหมายที่เป็นมาตรฐาน  อำนาจประชาธิปไตยอ่อนแอตกอยู่ภายใต้เผด็จการซ่อนรูป ถ้าวันนี้ยังไม่รู้จักเริ่มต้น

ประเทศไทยย่อมตกอยู่ในวงจรอุบาทว์ชั่วนิรันดร์.


โดย หมัดเหล็ก คอลัมน์คาบลูกคาบดอก
ไทยรัฐออนไลน์ 7 พฤศจิกายน 2552, 05:00 น.

เมื่อทั้งไทยและกัมพูชา ต่างเรียกทูตกลับ

หลังจากที่ทางกัมพูชาออกมาแถลงข่าว เมื่อวันที่ 4 พ.ย. ในกรณีที่ทางรัฐบาล แต่งตั้งให้ ดร.ทักษิณ ชินวัตร เป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลกัมพูชา และที่ปรึกษาส่วนตัวของสมเด็จ ฮุน เซ็น นายกรัฐมนตรีของกัมพูชา

ข่าวนี้เล่นเอาหลายคนในรัฐบาลไทย ทั้งหัวหงอก หัวดำ รวมทั้งพันธมิตรเสื้อเหลือง ต่างพากันกรี๊ดปรี๊ดแตกโดยไม่ได้นัดหมาย มาร์คถึงกลับกร้าว จะด้วยความคับแค้นที่ถูกสมเด็จ ฮุน เซ็น สอนมวย ด้วยวาทกรรม ทักษิณและอองซาน ซูจี ช่วงประชุมสุดยอดอาเซียนหรือไม่นั้น ไม่อาจฟันธงได้

กระทรวงการต่างประเทศของไทยถึงได้ออกมาแถลงการณ์ในวันที่ 5 พ.ย. เรียกตัวทูตไทยในพนมเปญกลับด่วน ตามด้วยมาตรการณ์อื่นๆอีกเล็กน้อยพอให้หายแค้น

แต่กัมพูชาเองก็ไม่ยี่หระกับการกระทำดังกล่าวของรัฐบาลไทย ล่าสุดจากรายงานข่าว 3มิติ ทางกัมพูชาก็ออกมาตอบโต้ด้วยการเรียกตัวทูตกัมพูชา ประจำ กทม. กลับเช่นกัน

กษิตเองถึงกับออกมาพูดว่า เขมรจะต้องเลือกว่าจะเอา ทักษิณหรือ จะเอาประเทศไทย ..

วาทกรรมเดิมๆ อ้างประเทศ อ้างประชาชน (ประชาชนส่วนไหนวะ อย่าเอาตูไปรวมด้วยนะเฟ้ย)

และด้วยคำถามเดิมๆ ที่ถามใครต่อใคร ว่าจะเลือกทักษิณ หรือ ประเทศไทย ..คาดว่าอีกไม่นาน กษิตอาจต้องถามคำถามนี้กับเพื่อนบ้านอีกหลายประเทศ ที่เขาก็ต่างแสดงท่าทีชัดเจนให้เห็นแล้วในช่วงประชุมสุดยอดอาเซียน

เพื่อนบ้าน เขาไม่ได้ให้เกียรติ รัฐบาลอำมาตย์นี้เลย

หากจะย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 2 พ.ย. นาย วีระ สมความคิด แกนนำกลุ่มประชาชนชาวไทยผู้รักชาติ พร้อมด้วยผู้ชุมนุมประมาณ 200 คน รวมตัวกันเข้ายื่นหนังสือที่กองรับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล โดยมีเนื้อหาดังนี้

1.ให้นายอภิสิทธิ์ คัดค้านการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก โดยยืนยันการไม่สนับสนุนไม่ว่าจะเป็นกรณี ใดก็ตาม
2.ให้ยกเลิกมติ ครม. เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2551 ที่รับรองแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา โดยทำหนังสือแจ้งให้นานาชาติและคณะกรรมการมรดกโลกได้รับทราบอย่างเร็วที่สุด
3.ให้นายอภิสิทธิ์ ปลดนายวศิน ธีรเวชญาณ ประธานคณะกรรมการจัดทำหลักเขตแดนไทย-กัมพูชา (เจบีซี) ฝ่ายไทย ออกจากตำแหน่ง
4.ให้ออกคำสั่งปิดชายแดนไทย-กัมพูชา เป็นการชั่วคราว งดให้ความช่วยเหลือในทุกๆ ด้าน จนกว่าทางกัมพูชาจะทำการขอโทษประเทศไทยอย่างเป็นทางการ
5. "ให้ออกคำสั่งเรียกทูตไทยประจำกัมพูชา กลับประเทศไทยเป็นการด่วน"

นี่สินะ ที่มาของการเรียกทูตกลับ ก็เพื่อสนองความต้องการของพันธมิตร

ก็พวกคุณมันพวกเดียวกัน

ไทยตอบโต้เขมร เรียกทูตกลับ สัมพันธ์ตึงเครียด


"อภิสิทธิ์" สั่งก.ต่างประเทศเรียกตัวทูตไทยในพนมเปญกลับด่วนเย็นนี้ พร้อมทบทวนพันธกรณี-ความช่วยเหลือ หลังกัมพูชาตั้ง "ทักษิณ" เป็นที่ปรึกษา ศก. ชี้หมิ่นกระบวนการยุติธรรมไทย..

เมื่อเวลา 15.15 น. วันที่ 5 พ.ย. ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แถลงถึงท่าทีของรัฐบาลไทยต่อกรณีรัฐบาลกัมพูชาแต่งตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจ และที่ปรึกษาส่วนตัวของนายกรัฐมนตรีกัมพูชา รวมถึงยืนยันที่จะไม่ส่งตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ให้กับไทยตามสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน หากได้รับการร้องขอ ว่า กระทรวงการต่างประเทศขอแถลงว่า รัฐบาลได้ชี้แจงกับรัฐบาลกัมพูชาไปแล้วในโอกาสต่างๆ ว่าความสัมพันธ์ระหว่างทั้ง 2 ประเทศ ต้องอยู่เหนือความสัมพันธ์ส่วนบุคคล การดำเนินการใดๆ ของฝ่ายกัมพูชาเกี่ยวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่สามารถแยกแยะออกจากความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศได้ และกระทบต่อความรู้สึกของคนไทยทั้งชาติ เนื่องจาก พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นผู้หลบหนีคดีอาญา และยังคงมีบทบาททางการเมืองในประเทศอยู่

การแต่งตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นที่ปรึกษารัฐบาลกัมพูชาและที่ปรึกษาส่วนตัวของนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ถือว่าเป็นการแทรกแซงกิจการภายในของไทย และเป็นการปฏิเสธกระบวนการยุติธรรมของไทย รวมทั้งทำให้ความสัมพันธ์และผลประโยชน์ส่วนบุคคลอยู่เหนือความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ รัฐบาลไทยจึงนิ่งเฉยไม่ได้ และมีความจำเป็นจะต้องรับฟังความคิดเห็นของประชาชนทั้งประเทศ การดำเนินมาตรการต่างๆ ของรัฐบาลไทย เพื่อจะให้ฝ่ายกัมพูชารับรู้ถึงความไม่พึงพอใจของประชาชนไทยทั้งปวง

นายชวนนท์ กล่าวต่อว่า จากการดำเนินการของรัฐบาลกัมพูชา ทำให้รัฐบาลไทยจำเป็นต้องทบทวนสถานะความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา และดำเนินการ ดังนี้ เรียกตัว นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย เอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ กลับ ทบทวนพันธกรณีต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับฝ่ายกัมพูชาในช่วงที่ผ่านมา และทบทวนความร่วมมือต่างๆ ที่รัฐบาลไทยกำลังดำเนินการกับกัมพูชา ซึ่งการทบทวนนี้ รัฐบาลไทยจะกระทำด้วยความจำใจ เนื่องจากรัฐบาลไทยประสงค์มาโดยตลอดที่จะให้ความร่วมมือกับฝ่ายกัมพูชา เพื่อพัฒนาการอยู่ดีกินดีของชาวกัมพูชา เพื่อลดช่องว่างของประชาชน และลดช่องว่างระหว่างกัมพูชากับประเทศสมาชิกอาเซียนอื่นๆ

ต่อมาเวลา 15.20 น. ที่รัฐสภา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การแถลงของรัฐบาลกัมพูชามีส่วนที่พาดพิงถึงกระบวนการยุติธรรมของไทย และตนเชื่อว่ากระทบความรู้สึกของประชาชนพอสมควร ดังนั้นทางกระทรวงการต่างประเทศจะดำเนินมาตรการเพื่อที่จะให้ทางกัมพูชาได้รับทราบถึงความรู้สึกของประชาชนไทย ซึ่งจะเป็นการดำเนินการตอบโต้ตามขั้นตอนทางการทูต โดยตนจะให้นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นผู้ชี้แจงในรายละเอียด แต่มาตรการทั้งหมดจะทำโดยไม่ให้กระเทือนความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนกับประชาชน เพราะเชื่อว่าประชาชนไทยกับกัมพูชาต้องการที่จะเป็นเพื่อนบ้านที่ดีต่อกัน แต่เมื่อรัฐบาลมาทำในสิ่งซึ่งมีปัญหาก็จะเป็นการตอบโต้ในส่วนของรัฐบาล

ส่วนจะถึงขั้นต้องปิดพรมแดนหรือไม่นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่มี เพราะเรื่องการค้าขายตามชายแดนเป็นผลประโยชน์ของประชาชนร่วมกัน แต่ในแง่มาตรการตนได้คุยกับทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคิดว่าจะมีมาตรการที่เหมาะสมที่จะดำเนินการ โดยประชาชนคนไทยจะไม่เดือดร้อน

newskythailand Gallery

Twitter Updates (thaksinlive)

Red Twitter ทวิตเตอร์เสื้อแดง

จำนวนผู้เยี่ยมชม