และระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าด้วยการถอดยศตำรวจ พ.ศ.2547 โดยมีเนื้อหาว่า เนื่องจากผู้ที่ดำรงอยู่ในยศตำรวจ สมควรประพฤติหรือวางตนให้เหมาะสมแก่เกียรติศักดิ์ มิฉะนั้นย่อมเป็นทางนำความเสื่อมเสียมาสู่หมู่คณะ โดยเหตุผลดังกล่าว หากผู้ใดประพฤติหรือวางตนให้เหมาะสมกับเกียรติศักดิ์ไม่ได้ ก็ไม่สมควรจะดำรงอยู่ในยศตำรวจต่อไป
การเสนอถอดยศตำรวจทั้งแก่ ผู้ที่อยู่ในราชการตำรวจและ ที่พ้นจากราชการตำรวจไปแล้ว ให้กระทำได้มีเหตุอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้
ต้องคำพิพากษาของศาลถึงที่สุด ว่าทุจริตต่อหน้าที่ราชการ แม้ศาลจะพิพากษารอการกำหนดโทษ หรือรอการลงโทษไว้ก็ตาม
โทษต้องเป็นโทษจำคุกหรือหนักกว่าจำคุก ยกเว้น ความผิด ลหุโทษหรือความผิดที่ได้กระทำโดยประมาท
ต้องคำพิพากษาถึงที่สุด ให้เป็นบุคคลล้มละลายเพราะก่อให้เกิดหนี้ขึ้นโดยทุจริต หรือกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงและมีคำสั่งลงโทษไล่ออกจากราชการ
ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงสำหรับ ผู้ที่มิได้อยู่ในราชการหรือหน่วยงานของรัฐ ต้องคดีอาญาแล้วหลบหนีสำหรับผู้มิได้อยู่ในราชการหรือหน่วยงานของรัฐ
ทุกกรณีถ้าจะปฏิบัติกันโดยเคร่งครัด เข้าใจว่าคงจะมีข้าราชการ ที่ถูกถอดยศกันเป็นกระบุง โดยเฉพาะพวกที่ชอบทำตัวมีสีมี อิทธิพล ประพฤติชั่ว ซึ่งหมายถึงข้าราชการ ทหาร ตำรวจโดยทั่วไป
แต่ก็ถ้อยทีถ้อยอาศัยกันมาตลอด
พูดถึงกรณีนักการเมืองหรือข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในอดีตมีบางท่านเคยถูกถอดยศก็ขอยศคืน หรือขอเพิ่มยศให้ตัวเองก็มี เรื่องยศ เรื่องตำแหน่ง เรื่องเครื่องราชย์ฯสมัยหนึ่งถูกชาวบ้านวิจารณ์กันมาก เพราะมีการนำไปแสวงหาประโยชน์อย่างไม่สมควร
ระยะหลังมีการเข้มงวดมากขึ้น นักการเมืองก็ไม่กล้าขยับจะขอเพิ่มยศให้ตัวเอง ส่วนที่มีการกระทำความผิดก็นำเหตุผลอื่นมาประกอบในลักษณะบัวไม่ให้ช้ำน้ำไม่ให้ขุ่น เนื่องจากยศตำแหน่งมาจากการพระราชทานจึงมีการระมัดระวังกันมากขึ้น อดีตนายกฯหลายท่านถูกยัดข้อหาทุจริต ถูกยึดอำนาจ ถูกดำเนินการทำนองเดียวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แต่ก็ไม่ถึงกับถูกถอดยศ เพิ่งจะมากระตือรือร้นเอาในรัฐบาลชุดนี้.
คอลัมน์คาบลูกคาบดอก โดยหมัดเหล็ก
ไทยรัฐออนไลน์ 31 ตุลาคม 2552, 05:00 น.
0 comments:
แสดงความคิดเห็น