เรื่องเล่าจากศาลเจ้า

โดย หมัดเหล็ก คอลัมน์คาบลูกคาบดอก ไทยรัฐออนไลน์ 30 กันยายน 2552, 05:00 น


ทุกวันนี้ ถ้าไม่มี ศาลเจ้า วัด ครอบครัวบางครอบครัวคงอดตายแล้ว ทุกวันต้องไปพึ่งศาลเจ้า ศาลพระภูมิ ดูว่ามีคนนำอาหาร ผลไม้ มาถวายเจ้าหรือเปล่า ถวายเสร็จแล้ว บางท่านก็ขอคืน บางท่านมีน้ำใจแจกให้ผู้หิวโหย อาจจะคิดว่าผู้นั่งรออยู่รอบศาลคงไม่หิว หรือมานั่งบนบานศาลเจ้า

หารู้ไม่ ที่พวกเขามานั่งรออยู่นั้น รอนม น้ำหวาน ขนม เพราะนั่นคือความอยู่รอดของลูกเล็กๆที่บ้าน ไม่ได้งอมืองอเท้า แต่เงินและงานหายากยิ่งกว่าสิ่งใด

ค่ารถเมล์ให้ลูกไปโรงเรียน คือ เศษเงินที่มีคนนำมาถวายเจ้า ไม่ได้ขโมยครับ แต่ขอยืมมาก่อน มีแล้วค่อยเอาไปถวายคืน

เรื่องที่เล่ามาเป็นเรื่องจริง ผมและพวก เห็นความอยู่รอดของครอบครัว จึงกระซิบกันว่าทางอยู่รอดของไอ้หนู ที่บ้านคือ ศาลเจ้าหน้าหมู่บ้านนี่แหละ

แล้วท่านจากหน่วยงานรัฐยังมีหน้าขอเงินค่าครองชีพ ทั้งๆที่มีบ้าน มีน้ำ มีไฟฟรี ยังขอบำเหน็จ บำนาญเป็นพิเศษ ใช้เงินภาษีฟรีไปจนตาย

ขอแสดงความนับถือ

คนด้อยโอกาส

เบื้องหลังการอนุมัติ โครงการโคตรแพง โครงการกระสุนปืนเพื่อการส่งออก วงเงิน 827 ล้านบาท ได้มีการเซ็นอนุมัติไปเรียบร้อยแล้ว ท่ามกลางความไม่ชอบมาพากล โดยเฉพาะบริษัทตัวแทนมีชนักปักหลังอยู่ทนโท่

ความจริงโครงการนี้ ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.อภิชาต เพ็ญกิตติ ไม่เห็นชอบมาแล้ว สมัยที่ดำรงตำแหน่งเป็นรองปลัดกลาโหม

เพราะเห็นว่าราคากระสุนปืน ขนาดกระสุน 105.5 และ 155.5 ขายราคานัดละ 2 แสนบาท ในขณะที่ราคาตลาดอยู่ที่นัดละ 4 หมื่นบาท

ทำไมนำโครงการกลับมาอนุมัติ

ราคาโคตรแพงขนาดนี้ นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ทำไมไม่ลงมาดูแล ไหนบอกว่ารัฐบาลจะทำให้ทุกโครงการโปร่งใส ตรวจสอบได้

เฮ้อ ความไม่สมดุลในสังคมเสื่อมโทรม

ผมว่านายกฯคงไม่มีเวลามาดูเรื่องในกองทัพ เพราะเรื่องในพรรคของท่านยังปวดหัวไม่จบ โดยเฉพาะโครงการชุมชนพอเพียง ตู้น้ำดื่ม ตู้ฆ่าเชื้อ ร้อยแปดโครงการ ล้วนแต่มีปัญหา ถึงเวลาแพทย์ชนบทอดรนทนไม่ไหวออกมาใส่เกียร์เดินหน้า คิดว่าโครงการนี้คงไม่หมู ปิดบัญชีได้ง่ายๆเหมือนปลากระป๋องเน่า.

มาร์คกระสัน

มาร์คกระสัน บทเพลงใหม่จาก nakaramusic

3 ขวบปี สนามบินสุวรรณภูมิ

เมื่อวานนี้มีโอกาสเข้า wikipedia เลยได้ทราบว่าวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2549 เป็นวันเปิดใช้งานท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ สนามบินที่เราแสนจะภาคภูมิใจ ...3 ขวบปีแล้วสินะ กับอายุของสนามบินแห่งนี้ แต่หากเทียบกับสนามบินดอนเมือง ที่เปิดดำเนินการครั้งแรกเมื่อวันที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2457 ก็คงเทียบได้กับทารกน้อย กับชายชรา แต่ทารกน้อยนี้ กว่าจะได้ลืมตาดูโลก ก็ช่างยาวนานเสียเหลือเกิน

นับตั้งแต่ปี 2503 ที่รัฐบาลของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้ว่าจ้าง Litchfield Whiting Bourie and Associate ศึกษาและวางผังเมืองกรุงเทพฯ ซึ่งได้มีข้อเสนอให้ประเทศไทยมีสนามบินพาณิชย์แยกเป็นสัดส่วนจากสนามบินทหารที่ดอนเมือง โดยให้มีระยะห่างและทิศทางที่เหมาะสมกับการขึ้นลงของสนามบินดอนเมือง จนนำมาสู่การจัดซื้อและเวนคืนที่ดินประมาณ 20,000 ไร่ ในปี 2506-2516 ในสมัยรัฐบาลทหารของจอมพลถนอม กิตติขจร หลังจากนั้น เราก็ได้แต่ ว่าจ้างบริษัทมาศึกษา วางแผน แล้วก็ศึกษา วนเวียนอยู่อย่างไร้ชะตากรรม จนมาถึงรัฐบาลของนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร ได้มีการเร่งก่อสร้างตั้งแต่เดือน มกราคม 2545 จนแล้วเสร็จ และเปิดทดลองใช้ในเช้าวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2549 โดยมีสายการบินภายในประเทศ 6 สายการบินร่วมทดลอง ได้แก่ การบินไทย นกแอร์ ไทยแอร์เอเซีย บางกอกแอร์เวย์ พีบีแอร์ และ โอเรียนท์ไทย

28 กันยายน พ.ศ. 2549 ทักษิณ ชินวัตร กลับมิได้มีโอกาสในพิธีเปิดใช้สนามบินแห่งนี้ ก็เนื่องมาจากคนกลุ่มหนึ่ง ที่เรียกตัวเองว่า คณะปฏิรูปการปกครอง ในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค) ถือโอกาสทำการรัฐประหาร ในวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2549 เรียกได้ว่า ไม่ได้สร้างเอง แต่อยากแสดงตัวเป็นเจ้าของ และก็ไม่ใช่คนกลุ่มนี้กลุ่มเดียวที่อยากเป็นเจ้าของสนามบินแห่งนี้ เพราะในวันที่ 25 พฤศจิกายน 2551 กลุ่มโจรเสื้อเหลือง ที่เรียกตัวเองว่า พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ทำการดาวกระจายไปชุมนุมตามที่ต่าง ๆ จนในที่สุดทำการปิดล้อมสนามบินสุวรรณภูมิและสนามบินดอนเมือง ทำให้ผู้โดยสารมากมายต้องติดอยู่ที่สนามบิน สร้างความเสียหายหลายแสนล้าน สร้างความอิดหนาระอาใจแก่ผู้พบเห็น แถมนายกษิต ภิรมย์ ยังมีหน้ามาพูดว่า "สนุก อาหารดี ดนตรีไพเราะ" ซะได้

บ้านเลขที่111

เมื่อพูดถึงบ้านเลขที่ 111 ในมุมมองของนู๋เรดมันก็เป็นการดีนะ ที่จะตอกย้ำถึงความผิดพลาดของอำมาตย์ ในเรื่องที่คิดแต่จะกำจัดศัตรูทางการเมือง โดยไม่คิดหน้าคิดหลัง ไม่ลืมหูลืมตา ตอนที่ยุบพรรคไทยรักไทยใหม่ ๆ นู๋เรดจำได้ว่า คนในบ้านเลขที่ 111 แทบจะกระดิกกระเดี้ยไม่ได้เลย กกต.สั่งห้ามสารพัด ห้ามเดินคู่กับผู้สมัคร หรือแม้กระทั่งห้ามทักทายพูดคุย กับเพื่อนนักการเมือง แต่ดูเดี๋ยวนี้สิ อำมาตย์ต้องการทีจะใช้งานเนวิน เนวินทำได้ทุกอย่าง จัดตั้งรัฐบาลออกหน้าออกตา บัญชาการให้คนเสื้อน้ำเงินทำร้ายคนเสื้อแดง ก็ได้ สงสัยจะลืมว่าเนวินก็คนบ้านเลขที่111 เหมือนกัน คดีต่าง ๆ ที่เคยโยนใส่หมายจะดิสเครดิตรัฐบาลทักษิณ ก็หลุดพ้น เช่น คดีทุจริตกล้ายาง งานนี้อำมาตย์เสียรังวัดไปเยอะ ตัดสินให้ผิดก็เสียมือเท้า ตัดสินให้ถูกก็กลายเป็นว่า ข้อกล่าวหาว่ารัฐบาลทักษิณโกง ก็อ่อนลงไป

สมานฉันท์

บางทีผมเคยสงสัยว่า ที่เรียกร้องให้ สมานฉันท์ นั้น เค้าหมายถึงให้ ใคร สมานฉันท์ กับใคร บางคนก็คิดและนำเสนอว่า เสื้อแดง ทะเลาะกับ เสื้อเหลือง สองฝ่ายต้อง สมานฉันท์ กัน ดังที่ได้เห็นตามสื่อทีวีมาโดยตลอด ทุกรายการแม้กระทั่งละครซิทคอม อารมณ์ดีทั้งหลาย ก็ยังไม่วายใส่เนื้อหาเกี่ยวกับคนทะเลาะกันแล้วก็สรุปลงที่ ควร สมานฉันท์ โดยส่วนตัว ผมไม่เคยคิดว่าชาวบ้านเสื้อเหลืองเป็นศัตรู เพียงแต่แปลกใจ ประหลาดใจ และ งง ที่เค้าคิด และ เชื่อ อย่างนั้นได้อย่างไร พวกเค้า ควรจะต้อง จัดการกับระบบความคิดของเค้าใหม่ ถ้าหากเค้าติดตามเรื่องราวมาโดยตลอดแล้วพินิจพิเคราะห์ด้วยตนเองไม่ต้องเชื่อใคร เค้าควรจะรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับประเทศนี้ ดังนั้นผมจึงหงุดหงิดทุกครั้ง ที่มีใครพยายามบอกว่า เสื้อเหลือง กับเสื้อแดงต้องสมานฉันท์กัน

ต่อมามีประเด็นเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มีบางคนเสนอว่าจะให้คนที่เป็น สสร.ปี40 กับ สสร.ปี50 มารวมกันเป็น สสร.ชุดใหม่อีกครั้ง ทำให้ผมคิดและสรุปเอาเองว่า ที่แท้ มือที่มองไม่เห็น เค้าต้องการให้ ฝ่ายประชาธิปไตย สมานฉันท์ กับ อำนาจเผด็จการของเค้านั่นเอง เค้าอาจจะรู้สึกกลัวว่าถ้าปล่อยให้ประเทศนี้เป็น ประชาธิปไตย มาก ๆ แล้ว ประเทศเจริญ ประชาชนสุขสบายมากเกินไป แล้ว ความสำคัญของ มือที่มองไม่เห็น จะลดน้อยลงไป จึงต้องดำเนินการ สมานฉันท์ กันดังที่เคยทำสำเร็จมาแล้วหลายครั้งในอดีต แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งก่อน ๆ ใครจะนึกว่าเมื่อ มือที่มองไม่เห็น ลงมาจัดการสิ่งต่าง ๆ มากเกินไปแล้ว จะทำให้เกิดปรากฎการณ์ใหม่ขึ้นมา นั่นคือ ปรากฎการณ์ ตาสว่าง ครั้นจะมากล่อมให้หลับลงอีกครั้งคงยาก นัยว่า ตื่นแล้ว ตื่นเลย

ไม่ได้ป่วย อย่างที่ลือกัน

คือไม่เกี่ยวกับเรื่องที่คนสนใจอยู่เวลานี้นะครับ พอดีผมอ่านคำตอบของคุณขุนอินV2 ในกระทู้นี้ทำให้ผมถึงบ้างอ้อในหลายๆ เรื่อง ตาสว่างกับข่าวลือเรื่องป่วยเสียที อีกอย่างหนึ่งผมเคยคุยกับคุณ "ป้าหมอ" ก็ยืนยันว่าไม่ได้ป่วย เป็นการสร้างข่าวลือดิสเครดิสกัน ที่จริง มาคิดดู ก็ไม่ได้ร้ายอะไรมากมาย แค่มีเยอะ แค่นั้นเอง แล้วก็ไม่ได้บังคับด้วย ยินยอมพร้อมใจกันเอง บรรยากาศคล้าย ๆ หลังรัฐประหาร 2549 ใหม่ ๆ นะครับ

คือมีรัฐบาลเผด็จการเหมือนกัน มีการกระเพื่อมในขั้วอำนาจครั้งนั้น เป็นการไล่บี้ข้าราชการสายทรท. ครั้งนี้เป็นการไล่บี้โผตำรวจทหารที่คาราคาซัง มีการ discredit ท่านผู้ใหญ่ที่อยู่เมืองนอกเหมือนกัน ครั้งนั้นปล่อยคลิป ครั้งนี้ปล่อยข่าวเรื่องความขัดแย้งในครอบครัว
ครั้งนี้มันเกิดจากความไม่แน่นอนเรื่องการกุมอำนาจในนามของรีเจ๊นท์ และความกลัวเรื่องการเปลี่ยนผ่าน ทำให้ทั้งสองฝ่ายพยายามทจะวางคนของตัวเองในสายราชการให้มากที่สุด จึงเกิดเรื่องที่สตช. และที่กำลังเป็นคลื่นใต้น้ำคือในกองทัพ โดยรวมแล้ว ไม่เกี่ยวกับคนเสื้อแดงเลย มันเป็นการแก่งแย่งอำนาจ และความระแวงกันเองของชนชั้นสูง ขุนศึกศักดินา ข้อสังเกตุ....ข่าวผู้ชายคนหนึ่งป่วยเป็นโรคติดต่อทางเพศร้ายแรง มันขัดแย้งกับข่าวการมีภรรยาหลายคน มีภรรยาใหม่ มีลูกใหม่ ทั้งลูกทั้งภรรยาก็มีสุขภาพกายแข็งแรงดี และปกติแล้วถ้าป่วยเป็นโรคนั้นจริงเขาไม่กล้ามีลูกด้วยวิธีธรรมชาติกันหรอก พูดแค่นี้นะครับ ที่เหลือลองคิดต่อกันเอง มันมีความขัดแย้งในเนื้อข่าว

อีกประเด็นที่ขัดแย้งในเนื้อข่าวคือเรื่องความขัดแย้งในครอบครัว เหตุการณ์การรับทำงานต่อช่วงปี 2551 นั้นมันชัดเจน แต่พอปี 2552 เปลี่ยนรัฐบาล ภาพในจอทีวีก็เปลี่ยนไป บทบาทเขาเหมือนลดลงไปพอสมควร ดูเหมือนว่ามีอำนาจเครือข่ายอำมาตย์อีกชั้นหนึ่งที่งัดข้อกับอำนาจพิเศษนี้เหมือนกัน ผมเลยยังไม่ค่อยเชื่อเรื่องความขัดแย้งในครอบครัว มันอาจเป็นการพยายาม discredit กันอีกเหมือนแต่ก่อน แต่อย่างไรก็ตามมันไม่เกี่ยวกับผม ไม่เกี่ยวกับคนเสื้อแดง พวกเราก็มุ่งที่การทำให้ผู้คนหูตาสว่างกันต่อไป อย่าไปเสียเวลากับข่าวของพวกเขามากนัก แต่เอามาวิเคราะห์กันเล่น ๆ ได้ ที่สำคัญอย่าให้เขาลากเราไปเกี่ยวข้อง หรือเป็นเหยื่อ เหมือนที่เขาพยายามทำเมื่อวันที่ 19 ที่ผ่านมา โชคดีที่แกนนำรู้ทัน

โดย: ลูกชาวนาไทย

ตัวซวย

ทันทีที่เห็นพาดหัวข่าวของไทยรัฐออนไลน์ วันที่ 24 กันยายน 2552, 07:00 น. "มาร์คเคาะระฆัง ปิดซื้อ-ขาย หุ้นมะกันปรับลง" ผมถึงกับอุทานขึ้นในใจ "อีกแล้วเหรอ?" และแม้รายละเอียดของข่าวจะพยายามเขียนให้สวยหรูว่า "ดัชนีปรับลดลง เพราะนักลงทุนขายทำกำไร" แต่มันก็ไม่ได้ช่วยเปลี่ยนคำว่า "หุ้นตก" ให้ดูดีขึ้นเลย เพราะหลังจากที่นายมาร์ค ได้รับเกียรติให้ขึ้นไปเคาะระฆังปิดการซื้อขาย ในตลาดหุ้นสหรัฐ เราก็ได้เห็นตัวเลขที่คุณผู้อ่านก็พอจะนึกออก ตลาดหุ้นสหรัฐร่วงทั้งดาวโจนส์และแนสแดค ดาวโจนส์ลดลง 81.32 จุด แนสแดค ลดลง 14.88 จุด

เห็นแบบนี้ยิ่งตอกย้ำฉายาที่ใครต่อใครต่างตั้งให้ว่าเป็น "ตัวซวย" ยังไม่พอ! ซ้ำร้ายไปกว่านั้นที่นครแอตแลนตา ยังเกิดฝนตกหนักตลอด 2 วันที่ผ่านมา เกิดน้ำท่วมจนมีผู้เสียชิวิตกว่า 10 คน ..เฮ้อ การข่าวของสหรัฐด้อยลงขนาดนี้เลยหรือ ไม่ได้ติดตามเรื่อง "ตัวซวย" บ้างเลยสินะ ถ้างั้นคงต้องทบทวนให้อ่านกันซักหน่อยเป็นไร

24 ธันวาคม ปีที่แล้ว นายมาร์คคนนี้ใส่เสื้อสีเหลืองไปเชียร์ฟุตบอลทีมชาติไทยในนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลอาเซียนคัพ ซึ่งผลก็คือ ไทย แพ้ เวียดนามคาบ้าน 1-2 หรือแม้แต่ทิมนิวคาสเซิล ทีมรักทีมโปรดที่นายมาร์คติดตามเชียร์มาตลอด ก็มีอันต้องร่วงตกชั้น ในนัดสุดท้ายของฤดูกาล ..ก็เพราะแมทย์ชี้ชะตานัดนั้น นายมาร์คบอกกับนักข่าวว่าคืนนี้จะตั้งใจเชียร์เป็นกรณีพิเศษ ..ตัวซวยแท้ๆ

ถัดมา เริ่มต้นศักราชใหม่ ก็ต้อนรับตำแหน่งของนายมาร์คด้วยไฟไหม้ครั้งใหญ่ ที่ซานติก้าผับ และตามด้วยเสือป่าพล่าซ่า ตายกันอีกหลายชีวิต และก็เพิ่มอีกหนึ่งชีวิต คือชีวิตของยายเนียม หวานใจมาร์ค ที่ได้ให้แหวนแทนใจ หมั้นหมายกันไว้ ..ไม่น่าเลยนะยายแถมคราวที่ไปจัดงานที่เกาะสมุย ..เครื่องบินก็มาหลุดรันเวย์..ตายกันอีก เห็นแบบนี้แล้ว จะไม่ให้เรียกว่า "ตัวซวย" ได้ยังไง

แต่ก็ยังมีอีกคนนึงที่ไม่น้อยหน้า ประเภทอยู่แก๊งไหนหัวหน้าตายหมด ..ก็นายเนรวินนั่นไง ..โอกาสหน้าจะเขียนเรื่องของนายคนนี้ให้ทุกท่านได้อ่านซะหน่อย เห็นทั้งกอดทั้งจูบปากกันสมัยจะจัดตั้งรัฐบาลเลยไม่รู้ว่าใครติดจากใครกันแน่นะ ..เชื้อตัวซวยเนี่ย!!

โดย redcyber

304 วันแล้ว ที่กลุ่มพันธมิตรฯ ก่อการร้ายสากล ยึดสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ ยังคงลอยนวล

กระทู้นับวันเรียกร้องให้ดำเนินคดีกับกลุ่มก่อการร้ายสากล พันธมิตรฯ
คุณ THAI TIGER ได้นำไปอ่านทุกเช้า ในรายการ แด๊ง แดง คนไทยยูเค
ถือว่า เป็นการเผยแพร่ความรู้สึกนึกคิด ของชาวบ้านธรรมดา ที่มีต่อกระบวนการยุติธรรมไทย

นับตั้งแต่มีการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 มานั้น
ประเทศไทย ถอยหลังกลับ ไปเป็นเผด็จการเต็มตัวอีกครั้งหนึ่ง
ระบบนิติธรรม ระบนิติรัฐ และเศรษฐกิจของประเทศไทย ถูกทำลายจนหมดสิ้นลง

กฏหมายสูงสุด รัฐธรรมนูญ 50 มีการบัญญัติ มาตรา 309 ที่แสนอัปยศไว้ด้วย
ได้มีการนิรโทษกรรมให้แก่คณะปฏิวัติ ทั้งในอดีตจนถึงอนาคตไม่ต้องรับโทษผิด

เหตุในการปฏิวัติรัฐประหารในครั้งนี้นั้น มีเพียงเหตุผลลอยๆ ที่ว่า โกง ไม่จงรักภักดี
ทำให้เกิดความแตกแยกของคนในชาติ
แต่แล้ว สิ่งที่กล่าวหาทั้งหมด ก็ไม่เคยจะพิสูจน์ให้เห็นได้ว่า โกงอะไรไปบ้าง
ทั้งๆ ที่ใช้อำนาจ คมช. เต็มรูปแบบ ในการแต่งตั้ง ปปช คตส ตามไล่ล่าเอาผิดกับทักษิณ
อย่างผิดหลัก นิติธรรมสากล

ปฏิญาฟินแลนด์ ที่กล่าวหาว่าทักษิณจะล้มล้างสถาบัน ก็ปรากฏแล้วว่า ถูกใส่ร้าย
และที่ว่าโกงชาติ จากการสร้างสนามบินสุวรรณภูมิ ก็พิสูจน์แล้วว่า ไม่พบการทุจริต

แล้ววันนี้เป็นไง ประเทศไทยจนลง ไม่มีเงินเข้ามาลงทุน ส่งออกลดลง
ความเชื่อถือจากต่างชาติหมดไป ประเทศไทยกลับกลายมาเป็นหนี้อีกครั้ง
มีการกระทบกระทั้งกับประเทศเพื่อนบ้าน นายอภิสิทธิ์ ขาดสภาวะผู้นำ

เวลานี้ รัฐบาลชุดนี้ ทำได้เพียง ปิดข่าว สร้างภาพ หลอกไปวันๆ
ที่ร้ายที่สุด กับปล่อยให้มีการทุจริต ในหลายโครงการ
ที่ปรากฏชัดเจนแบบคาหนังคาเขา ก็เห็นจะเป็น โครงการชุมชนพอเพียง

มาถึง ณ วันนี้ ความจริงได้เริ่มปรากฏแล้ว
คลื่นมหาชน ในชุดแดง ทวีจำนวนเป็นแสนเป็นล้าน มากขึ้นทุกว้น
ได้พร้อมใจกันออกมาปกป้องประเทศไทย ให้รอดพ้นจากอำนาจเผด็จการ
เรียกร้องขอความเป็นประชาธิปไตย แม้จะโดนขู่ด้วยกองทัพ หรือคำสบประมาท
ว่าเป็นพวกที่จะก่อความรุนแรง

คดีการก่อการร้ายยึดสนามบิน เป็นเพียงตัวอย่างที่หยิบขึ้นมา
เพื่อชี้ให้เห็น ความไม่มีระบบนิติรัฐ ระบบนิติธรรม ไม่มีความเป็นประชาธิปไตย เท่านั้น


จากหนุ่มชาวไร่ "คนไร้แผ่นดิน" ครับ

http://www.prachataiwebboard.com/webboard/wbtopic2.php?id=840002

สมองมีแค่เนี้ย

เฮ้อ! นู๋เรดอยากรู้ซะจริง ว่าทุกวันนี้ มันเพราะอะไรกันนะ ถึงได้ทำให้สมองคนเราไม่พัฒนาขึ้นซะเลย ก็จะเรื่องอะไรซะอีกล่ะคะ ก็เรื่องที่รัฐบาลมาร์คกำลังทำอยู่นี่แหละ มีอย่างที่ไหนออกใบประกาศนียบัตรแม่ดีเด่นให้กับหลินฮุ้ย บอกไว้ก่อนเลยนะไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลชุดไหนที่นำสัตว์มาสร้างภาพ นู๋เรดขอประณาม และก็ไม่ต้องมาพูดนะว่าเป็นการโปรโมทการท่องเที่ยว เพราะมันยังมีอีกหลายวิธีที่จะทำได้ แต่นี่ เท่าที่นู๋เรดดูแล้วมันเป็นการสร้างข่าวซะมากกว่า เพราะไม่ว่ายังไง สัตว์ก็คือสัตว์ มันคงไม่รับรู้หรือภูมิอกภูมิใจหรอก ว่าได้รับใบประกาศเกียรติคุณหรือใบทะเบียนสมรส ไม่ว่าจะเป็นเจ้าไมค์กับซูซู ช่วงช่วงกับหลินฮุ้ย หรืองูกับคน หรืออะไรต่อมิอะไรอีกหลายคู่ เลิกสร้างภาพนำสัตว์มาเสริมบารมีตัวเองซะที

แล้วที่ให้สื่อปัญญาน้อย มาประโคมข่าวเพื่อที่จะหลอกประชาชน ให้หันไปสนใจตามข่าวที่พวกตัวเองสร้างขึ้นเพื่อกลบอะไรต่อมิอะไรที่มันเน่าๆอยู่น่ะ หัดใช้สมองไปในทางที่มันสร้างสรรกว่านี้หน่อยนะยะ ถ้าคิดไม่ออกนู๋เรดจะบอกให้เอาบุญ ลองไปดูช่อง 7 หรือว่าช่อง 3 ก็ได้ ที่มีพ่อแก่ แม่เฒ่า ที่ถูกลูกหลานทอดทิ้งไม่เหลียวแล เห็นแล้วโครตตต จะฉงฉารเลยนะตะเอง เอาเวลาไปดูไปสำรวจว่าพอจะมีทางช่วยเหลือพวกเขาได้ยังไงจะดีกว่าไหมนั่น ไม่ใช่ว่าให้เงินผู้สูงอายุแค่เดือนละ 500 บาทแล้วก็จบ นู๋เรดว่าควรเข้าไปเยียวยา สืบหาลูกหลาน นำมาคุยมาถาม ว่าทำไมเพราะอะไรถึงไม่ดูแลบุพการี หรือจะตั้งมูลนิธิขึ้นมาดูแลประสานงานไปเลยก็ดีไม่น้อย แล้วก็ไม่ต้องมาพูดอีกนะ ว่ามีบ้านบางแคอยู่แล้ว มีมูลนิธิเยอะแล้ว เพราะเรื่องดีๆแบบนี้ ตั้งเป็นกระทรวงแล้วให้งบลงไปเลยยังได้

...อ้อ แล้วก็อย่าไปหากินกับงบส่วนนี้ซะล่ะ ขอบอก!!