ที่แท้ก็พวกเสื้อเหลืองถ่อย

เลวไม่มีที่ติจริงๆ
นรกส่งมาเกิดแท้ๆ
ทุกคนจำหน้ามันไว้ให้ดีเจอที่ไหนอย่าได้มีคำว่าปราณี
ชื่อ : กวีไกร
นามสกุล : โชคพัฒนเกษมสุข
เพศ : man
วันเกิด : 13/กรกฎาคม/2522
ที่อยู่ : 3/192 ซ.เพชบุรี 15
จังหวัด : กรุงเทพมหานคร
รหัสไปรษณีย์ : 10400
เบอร์บ้าน โทร 02-653-9758
มือถือ โทร 086-795-7041 
E-mail : tommy13_@hotmail.com

ข้อมูลเพิ่มเติมที่ http://www.thaienews.blogspot.com/

ปฏิบัติการลวงโลกที่พัทยา 11/4/09 ตอน 1

ปฏิบัติการลวงโลกที่พัทยา 11/4/09 ตอน 2

การ์ดอภิสิทธิ์ยิงคนเสื้อแดง

แฉทหารยิงประชาชนตาย แล้วลากขึ้นรถ

ทหารใช้อาวุธสงครามทำร้ายประชาชน

ทหาร รุมทำร้ายประชาชน

ทัศนคติที่เป็นอันตราย

กษิตถูกวิจารณ์ว่ามี ‘ทัศนคติที่เป็นอันตราย' จากกรณีการแสดงความเห็นเรื่องพันธมิตรฯ ปิดสนามบินสุวรรณภูมิ ต่อผู้สื่อข่าวต่างประเทศ เมื่อ 19 ธ.ค. 51 ซึ่งเรื่องนี้หลายฝ่ายทั้งในไทยและต่างประเทศเห็นว่าเป็นความผิดเทียบชั้นการก่อการร้ายสากล แต่นักการทูตอย่าง กษิตเห็นเป็นเรื่องสนุก อาหารดี ดนตรีไพเราะ ทำให้ภายหลังเจ้าตัวออกมาปฏิเสธและว่าสื่อมวลชนต่างประเทศตีความหมายผิดและมีเจตนาที่ไม่ดี

นอกจากนี้ เป็นที่เกรงกันว่าบุคลิกและภาพลักษณ์ของกษิตจะทำให้ไทยมีปัญหากับเพื่อนบ้านโดยเฉพาะกับกัมพูชา เพราะช่วงที่มีการชุมนุมของพันธมิตรฯ มีการพิพาทดินแดนไทย-กัมพูชาด้านปราสาทพระวิหารอยู่หลายหน แน่นอน กษิต บนเวทีปราศรัยย่อมไม่พลาดที่จะพาดพิงถึงกัมพูชา และสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ด้วยถ้อยคำเรียกขานอย่างรุนแรง ทั้ง "เด็กเมื่อวานซืน" "นักเลงข้างรั้วประเทศไทย" "มึงเป็นใคร ไอ้ฮุน เซน" หรือ "คนบ้าๆ บอๆ" และ "กุ๊ยแบบฮุน เซน" ซึ่งพลั้งปากออกมาสมัยออกรายการคมชัดลึก ช่องเนชั่นชาแนลเมื่อ 14 ต.ค. 51

แต่เมื่อเขารับตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศ และไปเยือนกรุงพนมเปญ เมื่อ 26 ม.ค. ที่ผ่านมา เขาก็ยกย่องฮุน เซนเป็น "ผู้หลักผู้ใหญ่" เป็น "ผู้อาวุโส" ในอาเซียน! จับไม้จับมือกับคนที่ตัวเองเคยหยามว่าเป็นกุ๊ย เป็นนักเลงข้างรั้วประเทศไทยได้

"ผมคิดว่าท่านฮุนเซน ท่านเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ครับ และท่านได้พูดกับผมประโยคแรกว่า 
เราเคยรู้จักกันเมื่อ 20 ปีที่แล้ว เพราะฉะนั้น ท่านเป็นผู้หลักผู้ใหญ่พอ แล้วก็เป็นสุภาพ
บุรุษ เป็นผู้อาวุโสสูงสุดในแวดวงการเมืองของอาเซียน คิดว่าท่าน (สมเด็จฮุนเซน) ก็
คงจะมองไปข้างหน้าในการเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างกัน ผมคิดว่าท่านไม่ใช่เป็น
เด็กตอแย และผมคิดว่าพวกเรา (ผู้สื่อข่าว) ก็อย่าทำหน้าที่หรือพูดตอแยนะครับ เรา
ควรจะรุดหน้าและช่วยกันสร้างสรรค์ ให้ความสัมพันธ์เดินไปข้างหน้าได้"
.........................
เห็นแล้วอายแทน
คลิปกษิต ภิรมย์ รายการคมชัดลึก เนชั่นชาแนล, 14 ต.ค. 51 

สื่อชั่วสองมาตรฐาน

แถลงการณ์ร่วมองค์กรวิชาชีพสื่อมวลชน
เรื่อง การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน
ตามที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินตามพระราช
กำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ๒๕๔๘ เมื่อช่วงเช้าวันอังคารที่ ๒ กันยายน ๒๕๕๑ โดยมีเนื้อหามุ่งจำกัดสิทธิเสรีภาพของชนชาวไทยตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ๒๕๕๐ หลายประการองค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนประกอบด้วย สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ สมาพันธ์นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์ประเทศไทย สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย สมาคมเคเบิลทีวีแห่งประเทศไทย ได้ประชุมหารือกันแล้ว มีความเห็นต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นดังต่อไปนี้

๑) องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชน ไม่เห็นด้วยกับการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินเมื่อปี ๒๕๔๘ เนื่องจากพระราชกำหนดฉบับนี้ มิได้ตราขึ้นโดยหลักนิติธรรม และมีเนื้อหาขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.๒๕๔๐ โดยชัดแจ้ง นอกจากนี้ กระบวนการในการตรากฎหมายที่ใช้รูปแบบของการออกพระราชกำหนด ซึ่งไม่ใช่กระบวนการตรากฎหมายตามปกติ ยังเป็นการรวบรัดและมุ่งจำกัดสิทธิและเสรีภาพของประชาชนเป็นสำคัญ

๒) แม้ว่า พระราชกำหนดฉบับนี้ จะให้อำนาจนายกรัฐมนตรีในการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน แต่เหตุผลและที่มาในการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ดังกล่าว ถือว่าไม่สมเหตุสมผล เพราะขณะนี้ สถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้น คลี่คลายลงจนอยู่ในขั้นที่เจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องสามารถควบคุมไม่ให้เกิดความรุนแรงได้แล้ว จึงไม่มีความจำเป็นต้องอำนาจประกาศสถานฉุกเฉินฯ และควรยกเลิกประกาศนี้ในทันที

๓) เป็นที่ประจักษ์ชัดโดยสื่อมวลชนต่างๆ ที่อยู่ในเหตุการณ์เมื่อกลางดึกคืนวันจันทร์ที่ ๑ กันยายน ๒๕๕๑ ประกอบกับการให้สัมภาษณ์ของรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สามารถยืนยันชัดเจนได้ว่า แกนนำ รวมทั้งรัฐมนตรีบางคนของพรรครัฐบาลมีบทบาทสำคัญในการปลุกเร้าและนำขบวนกลุ่มผู้ชุมนุมแนวร่วม
ประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ใช้ความรุนแรงต่อกลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรประชาชนเพื่อ
ประชาธิปไตย จนก่อให้เกิดความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ถือเป็นการสร้างสถานการณ์ให้เลวร้ายและสร้างความชอบธรรมในการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ดังนั้น องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชน จึงขอประณามการกระทำดังกล่าว

๔) การที่เนื้อหาบางส่วนในการประกาศใช้ข้อกำหนดตามมาตรา ๙ ของพระราชกำหนดการบริหาราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ให้นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้หัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินออกข้อกำหนดห้ามการเสนอข่าว การจำหน่าย หรือการทำให้เผยแพร่ ซึ่งหนังสือพิมพ์ สิ่งพิมพ์ หรือสื่ออื่นใดที่มีข้อความอันอาจทำให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัว หรือเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสาร ทำให้เกิดความเข้าใจผิดในสถานการณ์ฉุกเฉิน จนกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ หรือความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน นั้น ถือเป็นการขัดต่อสิทธิเสรีภาพในการนำเสนอข่าวสารของสื่อมวลชน ตามบทบัญญัติมาตรา ๔๕ ของรัฐธรรมนูญฯ พ.ศ.๒๕๕๐ อย่างชัดแจ้ง อีกยังจะกระทบต่อสิทธิการรับรู้ข่าวสารของประชาชน อันจะนำไปสู่ความรุนแรงยิ่งขึ้นของสถานการณ์ ดังที่เคยเกิดขึ้นมาหลายครั้งในประวัติศาสตร์ทางการเมืองเมื่อสื่อมวลชนถูกปิดกั้นการเสนอข่าวสาร

๕) องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ใช้ความอดทนอดกลั้นและหลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบไม่ว่ากรณีใดๆ รวมทั้งการพยายามยั่วยุประชาชนให้ใช้ความรุนแรงต่อกัน ไม่ว่าจะเป็นการแถลงข่าวของนายกรัฐมนตรีและข้าราชการที่เกี่ยวข้อง การประกาศของแกนนำผู้ชุมนุม และการใช้สื่อของรัฐเป็นเครื่องมือโดยการนำเสนอข้อมูลข่าวสารจากรัฐบาลเพียงฝ่ายเดียว

๖) ในสถานการณ์ความขัดแย้งที่ยังอยู่ในภาวะวิกฤตที่นำไปสู่การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินดังกล่าว อำนาจในการจัดการสถานการณ์ความไม่สงบถูกส่งผ่านไปยังกองทัพบกคง ดังนั้น ผู้บัญชาการทหารบกจึงควรใช้อำนาจที่มีอยู่ด้วยความระมัดระวัง ไม่ตกเป็นเครื่องมือของฝ่ายการเมืองและไม่ฉกฉวยสถานการณ์เช่นนี้ ก่อการรัฐประหารยึดอำนาจการปกครองแผ่นดิน เพราะบทเรียนในอดีตที่ผ่านมา ยืนยันแล้วว่า การรัฐประหารไม่สามารถแก้ไขปัญหาความขัดแย้งได้ แต่ยิ่งกลับทำให้ปัญหาทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นองค์กรวิชาชีสื่อมวลชนทั้ง ๕ องค์กรมีความเชื่อมั่นว่า สถานการณ์วิกฤตของประเทศไทยในขณะนี้ ยังมีทางออกโดยใช้กระบวนการสันติวิธี และขณะนี้ ภาคส่วนต่างๆ ของสังคมได้เข้ามามีส่วนร่วมในการนำเสนอทางออกต่อวิกฤตการณ์ทางการเมืองในปัจจุบันอย่างเข้มข้น องค์กรสื่อมวลชนต่างๆ ที่มีหน้าที่นำเสนอข้อมูลข่าวสาร จึงควรยึดมั่นในจริยธรรมแห่งวิชาชีพสื่อมวลชนอย่างเคร่งครัด ด้วยการนำเสนอข้อมูลข่าวสารอย่างรอบด้าน ไม่ตกเป็นเครื่องมือของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ประชาชนก็จะสามารถมีส่วนร่วมในการตัดสินใจทางการเมืองได้อย่างถูกต้องในที่สุด

สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ
สมาพันธ์นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย
สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย
สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย
สมาคมเคเบิลทีวีแห่งประเทศไทย
๒ กันยายน ๒๕๕๑
...........................................................
แต่ขณะนี้พวกสื่อชั่วเหล่านี้กลับเชียร์รัฐบาลให้กระทำรุนแรง
ต่อประชาชนที่สวมเสื้อแดง และร่วมกันบิดเบือนข่าวไม่ยอม
ออกข่าวตามความเป็นจริง จรรยาบรรณของพวกท่านช่างไร้ราคาจริงๆ


"บัวแก้ว"รับรัฐบาลนิคารากัวให้พาสสปอร์ต"ทักษิณ"

นายธฤต จรุงรัตน์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวกรณีที่รัฐบาลนิคารากัวยอมรับ

มอบหนังสือเดินทางให้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ว่า ล่าสุดการตรวจสอบเมื่อเช้าวันนี้จากสถานทูตไทยใน

เม็กซิโกระบุว่า สำนักงานประธานาธิบดีนิคารากัวมอบหนังสือเดินทางให้อดีตนายกฯเป็นทูตในกิจกรรมพิเศษในการดึง

ดูดนักลงทุนให้มาลงทุนที่นิคารากัว โดยมอบให้ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา 

นายธฤต กล่าวว่า หนังสือเดินทางฉบับนี้อดีตนายกนใช้เดินทางไปประเทศต่างๆได้แต่ขึ้นอยู่ว่าประเทศเหล่านั้นจะ

อนุญาตให้อดีตนายกฯเข้าประเทศหรือไม่ แต่ทูตไทยในเม็กซิโกแจ้งกับทูตนิคารากัวว่าในทางปฏิบัติไม่อยากให้นิคา

รากัวเป็นฐานที่อดีตนายกฯใช้โจมตีประเทศไทย แม้ไทยไม่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนกับนิคารากัวแต่ทูตไทยได้

ประสานไปแล้วว่าเรื่องนี้ได้ประสานแบบถ้อยทีถ้อยอาศัยเพื่อความสัมพันธ์ที่ดีของทั้งสองประเทศ ส่วนผลจะออกมา

เป็นเช่นใดนั้นต้องรอต่อไป 

“นิคารากัวอยู่ห่างไทยค่อนโลกอาจไม่ทราบข่าวสารของอดีตนายกฯมีปัญหาอะไรบ้าง และตอนนี้ไม่มีข้อมูลว่าอดีต

นายกฯลงทุนที่นิคารากัวหรือไม่ อย่าลืมว่าสื่อในนิคารากัวก็มีคำถามกันว่าสมควรหรือไม่ที่รัฐบาลจะอนุมัติหนังสือเดิน

ทางให้อดีตนายกฯที่มีคดีความติดตัว ส่วนกรณีที่อดีตนายกฯใช้นครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เป็นที่ตั้ง โดยไทยไม่มี

สนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แต่รัฐบาลขอความร่วมมือไปแล้วโดยอาศัยถ้อยทีถ้อยปฏิบัติ

ของสองประเทศเช่นกัน"นายธฤต

เมื่อถามว่าได้ตรวจสอบหรือไม่ว่าอดีตนายกฯมีหนังสือเดินทางกี่ประเทศ นายธฤตกล่าวว่า ไม่ทราบว่ามีกี่เล่ม เพราะ

ในทางปฏิบัติ มันอยู่ที่ว่าประเทศนั้นๆจะอนุมัติว่าจะออกหนังสือเดินทางให้บุคคลนั้นๆตามที่ร้องขอไปหรือไม่ และไทย

ไม่สามารถไปก่าวก้ายได้นอกจากขอความร่วมมือแบบถ้อยทีถ้อยปฏิบัติระหว่างสองประเทศเท่านั้น  

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อภิปรายในรัฐสภา



การที่จะมีประชาชน จะหนึ่งคนหรือแสนคน ลุกขึ้นมาเรียกร้องให้รัฐบาลแสดงความรับผิดชอบ 
ทบทวนตัวเอง พิจารณาตัวเอง ไม่ได้ขัดกับหลักประชาธิปไตยครับ แต่ท่านดูเถอะครับ ทุกประเทศที่เป็นประชาธิปไตยนั้น ส่วนใหญ่ เค้าไม่รอให้กฎหมายจัดการครับ 
มันจะมีสิ่งที่เรียกว่าสำนึกหรือความรับผิดชอบของนักการเมือง ที่เค้าบอกว่า มันต้องสูงกว่าคนธรรมดา
มีเพื่อนสมาชิกวุฒิสภาท่านหนึ่ง ท่านยกตัวอย่างกรณีของเกาหลี เช่น แค่คิดนโยบายนะครับว่า จะต้องเปิดการค้าเสรีเอาเนื้อวัวจากอีกประเทศเข้ามา คนลุกฮือขึ้นมาเป็นแสน เค้าลาออกทั้งคณะ

(นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อภิปรายในรัฐสภา วันที่ 31 สิงหาคม 2551 ขณะดำรง
ตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร แนะนำแนวทางให้รัฐบาลพรรคพลังประชาชน 
นำโดยนายสมัคร สุนทรเวช ลาออกจากตำแหน่ง ท่ามกลางสถานการณ์ชุมนุมยืดเยื้อ
ของกลุ่มมวลชนที่เรียกตนเอง ว่า “พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย”)
“ วันที่ 8 เมษายน 2552 ประชาชนจากจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศนับจำนวนรวมกัน ไม่
น้อยกว่าสองแสนห้าหมื่นคน เดินทางมาร่วมชุมนุมขับไล่รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ นำ
โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่หน้าทำเนียบรัฐบาล กรุงเทพมหานคร รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ 
เวชชาชีวะ นอกจากไม่ลาออกทั้งคณะแล้ว ยังดำเนินมาตรการทางทหารตอบโต้ ส่ง
ผลนำพาประเทศเข้าสู่สถานการณ์สังหารหมู่ประชาชน ” 

คณะกรรมการสอบสวนข้อมูล 14 ตุลา

คณะกรรมการสอบสวนข้อมูล 14 ตุลา ตั้งโต๊ะเฉพาะกิจรับแจ้งเบาะแสคนหายจากเหตุการณ์ปะทะ เดือนเม.ย. 
นายชัยนรินทร์ กุหลาบอ่ำ เปิดเผยว่าขณะนี้มีการจัดตั้งโต๊ะแจ้งเบาะแสข้อมูลคนหายในกรณีเดือนเมษายน 
ซึ่งเป็นเหตุการณ์ปะทะระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐและผู้ชุมนุมตั้งแต่วันที่ 8 เม.ย. ที่ผ่านมา 
ซึ่งเป็นกรณีเฉพาะกิจผู้สูญหายจากเหตุการณ์ทางการเมือง 
โดยทางศูนย์ข้อมูลรับเรื่องราวคนหายกรณีการชุมนุมการเมืองเดือนเมษา
นอกจากจะรับแจ้งเบาะแสเรื่องรับข้อมูลเบื้องต้นแล้ว 
จะทำหน้าที่สืบสวนหาศพผู้เสียชีวิตด้วย 
และจะทำหน้าที่ประสานงานผู้ได้รับบาดเจ็บว่าจะได้รับความช่วยเหลืออย่างไรต่อไป

ทั้งนี้ศูนย์ดังกล่าวดำเนินการโดยคณะกรรมการสอบสวนข้อมูล 14 ตุลา 
นายชัยนรินทร์ ผู้ประสานงานโต๊ะแจ้งเบาะแสฯ กล่าวว่าในเบื้องต้น 
จะประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่เกิดเหตุแต่ละแห่ง 
และจะทำการตั้งโต๊ะรับแจ้งเบาะแสที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา 
สี่แยกคอกวัว ตั้งแต่เวลา 9.00- 17.00 น. 
โทรศัพท์ 083-812-5659 อีเมล์ ontontnong@hotmail.com

เพื่อไทยตั้งกก.เยียวยาเหยื่อสลายม็อบ

สุรวิทย์เป็นประธาน 2.คณะอนุกรรมการ ไต่สวนหาข้อเท็จจริงมีพล.ต.ท.ชัจจ์ เป็นประ ธาน 3.คณะอนุกรรมการรับข้อมูลและประมวลข่าวสาร มีนายวรวัจน์เป็นประธาน และ 4.คณะอนุกรรมการที่ปรึกษากฎหมาย มีนายพีรพันธุ์ เป็นประธานกรรมการ

นายปลอดประสพ กล่าวอีกว่า การแต่งตั้งคณะกรรมการและคณะอนุกรรมการขึ้นมานั้นมาจากจิตสำนึกและ

ความห่วงใยของพรรคที่ต้องการทำตัวให้เป็นประโยชน์ด้วยการเข้ามาช่วยรัฐบาล กองทัพ และสังคม คลี่คลายปัญหา

และเยียวยาประชาชน ฉะนั้นขอรัฐบาลอย่ารัง เกียจว่าพรรคมีเป้าประสงค์ทางการเมือง เพราะพรรคยืนยันว่าจะไม่

แทรกแซงกระบวน การยุติธรรม หรือยุยงให้เหตุการณ์บานปลายไปมากกว่านี้ เนื่องจากทุกคนตระหนักว่าความเสียหายนั้นมันมากมเพียงใด

สอบให้ชัดมีม็อบตายหรือไม่ นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรค น.พ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ ส.ส.ชัยภูมิ นายวรวัจน์ เอื้ออภิญกุล

ส.ส.แพร่ นายพีรพันธุ์ พาลุสุข ส.ส.ยโสธร นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคและพล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก สมาชิกพรรค ร่วมแถลงข่าวตั้งคณะกรรมการอำนวยการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบความไม่เรียบร้อยและการสลายการชุมนุม

นายปลอดประสพ กล่าวว่า จากเหตุการณ์ความไม่เรียบร้อยที่เกิดขึ้นในกทม. จนมีผู้เสียชีวิต บาดเจ็บและสูญหายที่ไม่ทราบว่ามีมากน้อยเพียงใดนั้น ส่งผลให้พรรควิตกกังวลกับสถานการณ์เพราะมองว่าประชาชนมีความสำคัญประกอบกับส.ส.ของพรรคหลายคนได้ลงพื้นที่และเห็นว่ามีความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องเข้ามาช่วยเหลือคลี่คลายสถานการณ์เพื่อให้เหตุการณ์กลับสู่สภาวะปกติให้เร็วที่สุด รวมทั้งดำเนินการให้ประชาชนเกิดความสบายใจและได้รับรู้

ข้อเท็จจริงที่แท้จริง ดังนั้นพรรคจึงมีมติตั้งคณะกรรม การอำนวยการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบความไม่เรียบร้อยและการสลายการชุมนุม ประกอบด้วยคณะอนุกรรมการ 4 คณะ 1.คณะอนุกรรมการรับเรื่องราวร้องทุกข์และเยียวยา มี น.พ.ผู้สื่อข่าวถามว่ารัฐบาลและทหารระบุว่า ไม่มีใครเสียชีวิตจากการสลายการชุมนุมของเจ้าหน้าที่ ข้อมูลนี้เชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหน นายปลอดประสพ กล่าวว่า เหตุผลที่พรรคแต่งตั้งกรรมการขึ้นมานั้น เพราะข้อมูลสับสน เชื่อถือไม่ได้และขัดแย้งกัน เพราะเหตุการณ์นี้มีการลับ ลวง พราง อยู่ จึงต้องรอสักพักแล้วจะรับทรข้อเท็จจริง ขณะนี้อย่าเพิ่งไปบอกว่าควรเชื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เพราะวันนี้ฝ่ายหนึ่งพูดอย่าง อีกฝ่ายบอกไม่ใช่ ดังนั้นต้องสะสางข้อมูลทั้งหมดเพื่อให้ข้อเท็จจริงออกมา เพราะที่ผ่านมาในประวัติ ศาสตร์ไทยหากย้อนกลับไปดูแล้วจะพบว่าเป็นคนละอย่างกับสิ่งที่พูดในปัจจุบัน

นายปลอดประสพ กล่าวว่า ตนขอร้องทุกฝ่ายว่าอย่าปลุกปั่นให้คนไทยให้แบ่งสี ทะเลาะและฆ่กันเอง จนประเทศเกิดความอ่อนแอขาด ความสามัคคี โดยเฉพาะที่มีบางคนพยายามนำศาสนาเข้ามาเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ จะยิ่งทำประ เทศเสียหาย ฉะนั้นอย่าเอาชนะกันด้วยการเอาชีวิต และความเชื่อทางศาสนามาเป็นเครื่องมือทางการเมือง เพราะเป็นบาปกรรมและผู้ที่รับเคราะห์ก็คือลูกหลานของพวกท่านเอง แต่ควรแก้ปัญหาด้วยการนำเรื่องราวทั้งหมดไปแก้ไขในรัฐสภา

เมื่อถามว่าควรเปิดโอกาสให้องค์กรระหว่างประเทศเข้ามาตรวจสอบเรื่องนี้หรือไม่ นายปลอดประสพกล่าวว่า

โดยส่วนตัวนั้นมองว่าไม่จำเป็นต้องพึ่งพาคนอื่น หากคนไทยซื่อตรงกับตัวเองและเคารพกฎหมาย แต่เวลานี้โลกมันแคบจะไปห้ามไม่ให้องค์กรเหล่านี้มาสนใจก็คงยาก

สื่อมีอิสระนำเสนอข้อมูลหรือไม่

นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรค กล่าวว่า ขอตั้งคำถามฝากไปถึงสื่อมวลชนว่าวันนี้มีอิสระในการนำเสนอ ข้อมูลหรือไม่ และข้อมูลที่เสนอโดนบิดเบือนหรือไม่ รัฐบาลให้ข้อมูลด้านเดียวหรือไม่ ในภาวะที่มีการประกาศ พ.ร.ก. บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินเช่นี้

 *สำนักงานใหญ่พรรคเพื่อไทย เลขที่ 626 ซอยจินดาถวิล ถนนพระราม 4 แขวงมหาพฤฒาราม เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร 10500 โทร.02-653-4040

ขอถามความรู้สึกของสื่อ

อยากถามความรู้สึกของสื่อ

พวกคุณไม่รู้สึกละอายบ้างหรือไง ที่บิดเบือนความจริงที่เกิดขึ้นทั้งหมด คำว่าจรรยาบรรณ ยังสะกดถูกอยู่หรือเปล่า หรือว่าคำนี้มีไว้พูดให้มันเท่ห์ พวกคุณใช้สิทธิของความเป็นสื่อทำลายฝ่ายตรงข้ามมาแล้วเท่าไหร่ พวกคุณเรียกร้องออกกฎหมายคุ้มครองสื่อ แต่สื่อไม่เคยทำหน้าที่ ที่ควรจะทำ สื่อมีหน้าที่เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารข้อเท็จจริง ตรงไปตรงมาไม่เข้าข้างฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ไม่ใส่สีตีไข่ (ไม่เสี้ยม)ทุกวันนี้พวกคุณทำเพื่ออะไร ทำเพื่อเงินอำนาจผลประโยชน์ ที่ฝ่าย ศักดินาหยิบยื่นให้เท่านั้นหรือ เท่าที่ประชาชนคนหนึ่งอย่างเราเห็นการกระทำของสื่อ คือ พวกคุณมีจิตใจอิจฉาริษยาอยู่ในตัว เพราะพวกคุณทำลายคนด้วยปลายปากกา ร่วมมือกันฆ่าประชาชน แบ่งหน้าที่กันทำ เป้าหมายผลประโยชน์ร่วมกัน เท่าที่พูดมานี้ถ้าไม่จริงก็เลิกการกระทำที่กล่าวมานี้เสีย ถ้ายังมีความละอายอยู่บ้างก็หันมาให้ข่าวสารที่เป็นจริงกับทุกฝ่าย กระชากคำว่าจรรยาบรรณที่มันฝังลึกจนขึ้นสนิมออกมาเคาะสนิมออกขัดเงาใหม่ เพื่อพี่น้องร่วมชาติ เพื่อประเทศชาติ ข้อสำคัญคือเพื่อตัวคุณเองเมื่อแก่ตัวหรือตายไปจะได้เป็นเกียรติศักดิ์ศรีแก่วงศ์ตระกูล

ความเกลียดชังที่ยากที่จะเยียวยา






ความเกลียดชังที่เกิดขึ้นในสังคมไทย ไม่ใช่เพิ่งจะมีในยุคทักษิณ มันเกิดขึ้นมานานแล้ว เกิดจากการแบ่งแยกชนชั้นวรรณะ เจ้าขุนมูนนาย ศักดินา ไพร่ ข้าราชการ คนที่มีความรู้มีโอกาสได้เรียนสูงๆแต่จิตใจไม่พัฒนา คนที่มีเงินมีการศึกษามีชาติตระกูลสูง น้อยคนนักที่จะมีจิตใจเมตตาต่อคนที่ด้อยกว่า อย่างสังคมในปัจจุบัน ประชาชนได้มีส่วนร่วมในเรื่องต่างๆมากขึ้น แต่ก็นั่นแหละคนที่มีโอกาสมากกว่าก็จะมาเป็นผู้นำเสมอ มาถึงเรื่องการเมือง ทักษิณเป็นแค่หมากตัวหนึ่งที่ก้าวเข้ามา หวังจะสลายการแบ่งแยกระหว่าง ศักดินากับไพร่ หลอมรวมให้เป็นเนื้อเดียวกัน ให้เป็นสังคมที่สวยงาม ให้มีแต่รอยยิ้ม ให้ทุกคนพร้อมที่จะช่วยเหลือกันโอบอุ้มคนที่ด้อยกว่า แต่นั่นมันเป็นได้แค่ความฝันเท่านั้น เขาคิดผิดถนัดเพราะสังคมไทยนั้น ได้แบ่งชนชั้นมายาวนานเกินจะเยียวยา โดยเฉพาะนักการเมืองอย่างประชาธิปัตย์ ความแตกแยกที่เกิดขึ้น คงจะปฏิเสธไม่ได้ว่า ประชาธิปัตย์เป็นสาเหตุที่สำคัญในการแตกแยกในครั้งนี้ เพราะทั้งคำพูดและการกระทำ มีแต่ดูถูกดูแคลนคนที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามกับตนหรือคนที่ไม่เห็นด้วย นับเรียงหน้ากันมาได้เลย เริ่มตั้งแต่หัวหน้าพรรค จนมาถึงสมาชิกพรรคธรรมดา(ชาวบ้าน)แต่ก็ขอยกนิ้วให้พรรคนี้เขามีแม่พิมพ์ที่ขลังมาก ใครเข้ามาอยู่เรียกได้ว่าจะเป็นเนื้อเดียวกันไปเลยทีเดียว พูดจาโอ้อวด ดูถูกดูแคลน เหน็บแนม เสียดสี นี่เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดการไม่ลงรอยกันมาตลอด ในแวดวงการเมืองแล้วลุกลามมาถึงประชาชนต่อประชาชนด้วยกัน เพราะต่างฝ่ายต่างก็มีกองเชียร์ของฝ่ายตน เราก็ได้แต่หวังว่าประชาธิปัตย์จะมีเลือดใหม่ที่ดีมาสร้างความสามัคคีให้เกิดกับสังคมไทย ไม่แบ่งแยกไพร่ ศักดินา ปลูกฝังข้าราชการให้รักประชาชน ทำงานเพื่อประชาชนเพื่อประเทศชาติ เลิกเห็นแก่พวกพ้อง ก็คงจะได้แต่หวังล่ะนะไม่รู้ชาตินี้จะได้เห็นหรือเปล่า

ไม่เชื่อว่า น้องชายของตนเสียชีวิตเพราะกระสุนของคนเสื้อแดง

ทักษิณกับคนเสื้อแดง

ทหารไทยไล่ฆ่าประชาชน

   

ทหารยิงประชาชน

 

 

newskythailand Gallery

Twitter Updates (thaksinlive)

Red Twitter ทวิตเตอร์เสื้อแดง

จำนวนผู้เยี่ยมชม